ข่าวทั่วไปข่าวประชาสัมพันธ์ข่าวพาดหัวทุกข์ชาวบ้าน

หอการค้าประจวบฯมึน อนจ.อ้างหาแบบแปลนระบบบำบัดน้ำเสียรวมไม่เจอ เหตุปล่อยน้ำทิ้งจากชุมชนลงชายหาด

หอการค้าประจวบฯมึน อนจ.อ้างหาแบบแปลนระบบบำบัดน้ำเสียรวมไม่เจอ เหตุปล่อยน้ำทิ้งจากชุมชนลงชายหาด

จากกรณี นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวว่า มีอาการคันตามลำตัว หลังจากลงเล่นน้ำทะเลและเล่นกีฬาทางน้ำ หน้าโรงแรมประจวบบีช อ่าวประจวบคีรีขันธ์ด้านทิศใต้ ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ จากการตรวจสอบพบว่ามีปล่อยน้ำเสียจากชุมชนลงชายหาดโดยไม่ผ่านการบำบัด มีปัญหามานานกว่า 30 ปี และเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งไขโดยด่วน

ความคืบหน้า วันที่ 19 สิงหาคม นายนิพนธ์ สุวรรณนาวา ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าและสภาอุตสาหกรรม จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าเมื่อเดือนกันยายน 2562 ถึงปัจจุบันพบว่ามีน้ำเสียจากชุมชนในเขตเทศบาลไหลถูกปล่อยลงชายหาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก ทั้งที่จุดดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ขณะที่เดิมเทศบาลเมืองประจวบฯและองค์กรจัดการน้ำเสีย ( อจน.) มีการทำบันทึกความตกลงร่วมกันเพื่อบำบัดน้ำเสีย แต่ยังไม่มีความชัดเจน ดังนั้นขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งรัดให้แก้ไขโดยด่วน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับการท่องเที่ยวและคุณภาพน้ำทะเล

“ก่อนหน้านี้อ้างว่าน้ำเสียที่ปล่อยออกมาเกิดจากฝนตกหนัก ทำให้ท่อบำบัดรวมน้ำฝนกับน้ำเสียระบายไม่ทัน ทำให้น้ำล้นลงท่อที่ชายหาด แต่ล่าสุดพบว่าไมมีฝนตกแต่มีน้ำเสียไหลลงชายหาดปกติ ขณะเดียวกันเทศบาลได้แจ้งเก็บค่าบำบัดน้ำเสีย โดยส่งหนังสือถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร โรงแรม และบ้านเรือนประชาชนตามอัตราที่กำหนด แต่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าระบบบำบัดน้ำเสียรวมยังใช้การได้จริงหรือไม่ หลังจากกรมโยธาธิการมีการใช้งบประมาณหลายร้อยล้านบาทก่อสร้างด้านหลังวัดธรรมิการาม เมื่อปี 2541 และทราบว่าสาเหตุที่ทำให้การแก้ปัญหาน้ำเสียล่าช้าเนื่องจากเทศบาล และ อจน. ยังไม่พบแบบแปลนการก่อสร้างเดิมเพื่อทำการสำรวจแนวท่อทั้งหมด “ นายนิพนธ์ กล่าว

 

จ่าเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านการทุจริต จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้แจ้งให้เทศบาลและ อจน .ชี้แจงเหตุผลการก่อสร้างระบบท่อแยก เพื่อบำบัดเสียที่บริเวณถนนเลียบชายหาดซึ่งมี 3จุดปล่อยน้ำเสีย หลังจากเทศบาลจัดสรรงบไว้ก่อสร้าง 17 ล้านบาท ซึ่งเดิมอ้างว่าน้ำสีดำไม่ใช่น้ำเสียแต่เป็นตะกอนค้างท่อ ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และขอให้ อจน.ตรวจสอบโรงสูบน้ำที่ 1 ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ว่าเครื่องจักรกลสามารใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ เพื่อสูบน้ำจากชุมชนไประบบบำบัดน้ำเสียรวม โดยไม่ปล่อยน้ำเสียลงทะเลช่วงที่ไม่มีฝนตกหนัก สำหรับข้ออ้างของผู้บริหาร อจน.แจ้งว่าเพิ่งมารับมอบภารกิจหลังการก่อสร้าง โดยไม่มีแบบแปลนการวางท่อเพื่อตรวจสอบระบบนั้น ขอให้เร่งรัดดำเนินการหาแบบแปลนก่อสร้างจากกรมโยธาธิการฯโดยเร็ว

//////////////
พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 099 3396 4 4 4