ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัวฉ้อโกงประชาชนทุกข์ชาวบ้าน

ร้อยเอ็ด หญิงป่วยมะเร็งช้ำหนัก ถูกชายคนรู้จักผ่านโซเชียล หลอกโอนเงินกว่าแสนบาทหลบหนี

ร้อยเอ็ด หญิงป่วยมะเร็งช้ำหนัก ถูกชายคนรู้จักผ่านโซเชียล หลอกโอนเงินกว่าแสนบาทหลบหนี

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยข้อมูลจาก ทนายพงศกรณ์ ตั้งกิตติ์ตระกูล ประธานสภาทนายความจังหวัดร้อยเอ็ด ว่ามีหญิงรายหนึ่ง ได้ถูกหลอกลวงจากชายที่รู้จักกันผ่านสื่อโซเชียลออนไลน์ ให้โอนเงินให้จำนวนกว่า 132,000 บาท ก่อนจะถูกเชิดเงินหลบหนีลอยนวล

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เม.ย.65 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพร้อมกับ ทนายพงศกรณ์ ตั้งกิตติ์ตระกูล ประธานสภาทนายความจังหวัดร้อยเอ็ด และหญิงอายุ 46 ปี ผู้เสียหาย ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด เพื่อดำเนินคดีต่อผู้ก่อเหตุในข้อหาฉ้อโกง

สอบถาม ทนายพงศกรณ์ ตั้งกิตติ์ตระกูล ประธานสภาทนายความจังหวัดร้อยเอ็ด เล่าว่า ในช่วงเช้าวันนี้ตนได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากหญิง 46 ปี ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ได้เข้ามาขอคำปรึกษาพร้อมหลักฐานในการใช้ก่อเหตุในครั้งนี้ ตนได้พิจารณาจากข้อมูลในเบื้องต้น เข้าฐานความผิดในมาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงได้พาผู้เสียหายเข้าทำการแจ้งความดังกล่าว

สอบถามหญิงอายุ 46 ปี (ปิดหน้า) เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้รู้จักกับชายคนดังกล่าวผ่านสื่อโซเชียล ก็ได้พูดคุยกุนผ่านทางแชทและได้พบกัน 2 ครั้ง ซึ่งชายคนนี้มีพฤติการณ์พูดจาหว่านล้อม อ้างว่ามีฐานะดี แต่งตัว ภูมิฐานจะชักชวนตนไปลงทุนไปเป็นยี่ปั๊ว ขายสลากในพื้นที่ภาคอีสาน หลังจักรู้จักกันได้ไม่ถึงสัปดาห์ ชายคนดังกล่าวได้บอกกับตนว่าน๊อคเข้าโรงพยาบาลจสกอาการหลอดเลือดในสมองตีบ บัญชีและเอทีเอ็มหาย จึงได้ขอให้ตนโอนเงินให้ 4,000 บาท โดยใช้บัญชีที่อ้างว่าเป็นหลานสาว ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นผู้หญิงที่คบหากันกับผู้ก่อเหตุ

หลังจากนั้นก็พยายามบอกให้ตนช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล ซึ่งในแต่ละครั้งก็โอนเงินไปบัญชีคนอื่น จนในครั้งสุดท้ายชายก่อเหตุได้ส่งเลขบัญชีที่อ้างว่าเป็นชื่อของตนเอง ตนจึงได้โอนเงินไปให้ แต่ชายคนดังกล่าวอ้างว่าเป็นบัญชีของชายฝาแฝดที่เป็นคนไม่ดีที่ชอบหลอกลวงต้มตุ๋นผู้ใหญิงให้หลอกโอนเงิน ตนจึงเริ่มเอะใจว่าทำไมชายคนดังกล่าวพูดไม่อยู่กับร่องกับรอย ตนจึงนำชื่อในบัญชีล่าสุดที่โอนเงินให้มาตรวจสอบ ก็พบว่าเคยต้องคดีและเคยถูกจำคุกมาแล้ว จึงพยายามติดต่อชายคนดังกล่าว ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย

ตนจึงได้นำหลักฐานการพูดคุยและหลักฐานการโอนเงินเข้าปรึกษาทนายพงศกรณ์ ตั้งกิตติ์ตระกูล ประธานสภาทนายความจังหวัดร้อยเอ็ด ก่อนจะพาตนเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ดในเวลาต่อมา

ตนอยากฝากเตือนเป็อุทาหรณ์ ว่าอย่าไว้ใจใครง่ายๆ เพราะคนเราทุกวันนี้ดูแต่รูปลักษณ์การแจ่งกายไม่ได้ ตนยอมรับว่าเป็นช่วงที่ตนเข้ารับการรักษามะเร็งเต้านมทำให้ชายคนดังกล่าวอาศัยช่องว่าง เข้ามาเทคแคร์ดูแลจนตนตายใจ ก่อนจะหลอกให้โอนเงินให้

หลังจากนี้พนักงานสอบสวน จะได้รวบรวมพยานหลักฐาน เร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป