ข่าวทั่วไปพาดหัวข่าว

ชาวบ้านที่อยู่ติดชายแดนอำเภอกันทรลักษ์จังหวัดศรีสะเกษอพยพหนีกระสุนปืนใหญ่ มาอยู่ยังศูนย์พักพิงเขตอำเภอกันทรารมย์ ตอนนี้ขาดแคลนอาหารเครื่องอุปโภคบริโภคเป็นจำนวนมาก

ชาวบ้านที่อยู่ติดชายแดนอำเภอกันทรลักษ์จังหวัดศรีสะเกษอพยพหนีกระสุนปืนใหญ่ มาอยู่ยังศูนย์พักพิงเขตอำเภอกันทรารมย์ ตอนนี้ขาดแคลนอาหารเครื่องอุปโภคบริโภคเป็นจำนวนมาก
***ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีเสียงปืนใหญ่ดังสนั่นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และมีเหตุการณ์ลูกปืนใหญ่ bm 21 ของกัมพูชาตกลงมาใส่หลายจุด และร้านสะดวกซื้อ ในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ ทำให้ นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้ออกคำสั่งยกระดับมาตรการความปลอดภัยในพื้นที่ พร้อมประสานกับฝ่ายความมั่นคงในการอำนวยความสะดวกด้านการอพยพ และขอความร่วมมือจากประชาชนให้งดเดินทางเข้าสู่พื้นที่แนวชายแดนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
***ล่าสุด เช้าวันนี้ (24 ก.ค. 68) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่จุดอพยพแห่งหนึ่ง ในอำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ พบว่าจุดมีประชาชนจากตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษ์ อพยพหนีออกนอกพื้นที่มาอาศัยพักพิงอยู่เป็นจำนวนมาก จากการสอบถาม ผู้ใหญ่บ้าน บ้านดังกล่าว เปิดเผยว่า จุดอพยพพักพิงจุดนี้ส่วนมากจะเป็นประชาชนจาก ตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษ์ซึ่งเป็นพื้นหมู่บ้านที่ติดกับชายแดนกัมพูชา ได้เดินทางเข้ามาพักพิงกว่า 700 คน โดยทางศูนย์จะแบ่งให้ไปพักอาศัยที่วัด ที่โรงเรียน และที่ รพ.สต. ซึ่ง 3 จุดนี้จะอยู่ติดๆกัน โดยจะมีชาวบ้านในชุมชน ใช้ครัววัดประกอบอาหารให้กับที่อพยพมาพักอาศัยที่นี้ เบื้องต้นสิ่งที่ศูนย์อพยพนี้ขาดแคลนคืออาหาร และเครื่องอุปโภค เช่น ยาสีฟัน สบู ของใช้ในชีวิตประจำวัน


***คุณยาย วัย 88 ปี ที่อพยพมาจากพื้นที่กันทรลักษ์ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อหลังที่ตนได้ยิงเสียงปืนใหญ่ก็ให้หลานพาหนีออกจากพื้นเลย เพราะตนกลัว ตั้งแต่ตนเกิดมาเหตุการณ์แบบนี้ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกในปี 54 ไม่แรงมากแต่มาครั้งนี้รุงแรงมากกว่าปี 54 อีก ตอนได้ยิงเสียงระเบิดตนเข้าไปหลบในบังเกอร์ กับชาวบ้าน ก่อนจะรีบพากันหนีออกจากพื้นที่
***ด้าน นางศันสนีย์ ประสงค์ อายุ 37 ปี เล่าให้ฟังว่า ตอนเกิดเหตุตนทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ลูกชาย วัย 1 ขวบ 3 เดือน อาศัยอยู่ที่บ้านในอำเภอกันทรลักษ์ กับพ่อ และ แม่ พอตนได้ยิงข่าว ว่าที่บ้าน (ในอำเภอกันทรลักษ์) เกิดการยิงปะทะกัน มีลูกระเบิดลง ตนก็รีบกลับมาบ้านโดยด่วน เพราะความเป็นห่วงลูกและพ่อแม่ที่อยู่ทางบ้าน กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย และถ้าอีก 3 วันเหตุการณ์ยังไม่สงบตนจะรับลูกและครอบครัวขึ้นไปอยู่กรุงเทพด้วย ตอนที่พากันอพยพมาแทบจะไม่ได้อะไรติดตัวออกมาเลย สิ่งที่ขาดแคลนในศูนย์อพยพแห่งนี้คือ แพนเพิร์ธเด็ก นมเด็กเล็กที่หลายๆครอบครัวยังต้องการ
***ส่วน นางเทียน มีทรัพย์ อายุ 50 ปี เล่าให้ฟังว่า ตนพึ่งอพยพมาที่ศูนย์พักพิงแห่งเมื่อเช้าของวันนี้เอง ซึ่งสถานการณ์เมื่อคืนตอนอยู่ที่บ้านในอำเภอกันทรลักษ์ ได้ยิงเสียงปืนใหญ่ยิงกัน อยู่ตลอดเวลาหลังคาบ้านสะเทือนไปหมด จนถึงช่วงเช้าวันนี้ก็ยังได้ยิงเสียงยิงกันอยู่ทำให้ตนกลัวมากอยู่ไม่ได้แล้ว ต้องหนีออกมาจากพื้นที่ เพราะพื้นที่กันทรลักษ์ ถือเป็นเป็นพื้นที่สีแดงทั่วไปหมดแล้ว ทำให้คนออกจากพื้นที่จนเกือบหมดบ้านเรือนถูกปิดเงียบ ส่วนตัวไม่ห่วงอะไรแล้วที่บ้าน ห่วงชีวิตตัวเองมากกว่า เพราะเหตุในครั้งนี้รุงแรงมากและหนักกว่าเมื่อปี 54 และก็เกิดขึ้นในแหล่งชุมชนด้วย ทำให้เตรียมตัวแทบจะไม่ ตอนเกิดเหตุยิงปะทะกันตนยังออกไปทำงานอยู่เลยไม่นึกเลยว่าจะต้องมีเหตุยิงปะทะกัน ตนต้องทิ้งงานแล้วรีบกลับไปรับเด็กที่โรงเรียน และก็เข้าบ้านเก็บตัวอยู่ในบ้าน คิดว่าเหตุการณ์จะสงบเร็วแต่เหตุการณ์ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทั้งคืนก็ยังมีเสียงยิงปะทะกันไม่หยุด เช้ามาจึงได้รีบอพยพหนีออกมาอยู่ที่ศูนย์อพยพนี้ สิ่งที่เอาติดมือมาได้มีแต่ของใช้ส่วนตัว สบู ยาสีฟัน เท่านั้นเอง