รถดับเพลิงห้างดังย่านพระราม 3 รีบนำศพมาส่งโรงพยาบาล
วันที่ 6 กันยายน 2563 เวลา 14.10 น.
อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิต ภายในรถโดยไม่ทราบสาเหตุ บริเวณลานจอดรถ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ อาสาสมัครจึงเร่งรัดจัดกำลังพร้อมอุปกรณ์ ตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่ออาสาสมัครไปถึงที่เกิดเหตุพบรถกระบะ ยี่ห้อ นิสสัน นาวาร่า สีขาว ใส่ หลังคา แล้วติดไฟสัญญาณสีแดง คล้ายรถตำรวจ และ มีสติกเกอร์ เเปะไว้บนกระจกหน้ารถมีข้อความว่า “รถดับเพลิง” ซึ่งรถคันดังกล่าวจะจอดประจำอยู่ภายในห้างดังแห่งหนึ่งย่านพระราม 3 พอเดินไปตรวจสอบบริเวณด้านหลังรถก็จะพบกับ ร่างผู้เสียชีวิตอยู่บริเวณท้ายกระบะ ในลักษณะคลุมไว้ด้วยผ้าใบสีน้ำเงินเป็นลักษณะเดียวกับผ้าใบที่ใช้คลุมรถเพื่อกันแดดกันฝน พอเปิดผ้าคลุมดังกล่าวออกมาต้องถึงกับผงะ!!เมื่อพบกับร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย มีลักษณะ หัวกระโหลกแตก สมองไหลใบหน้าก็แทบจะจำโครงหน้าไม่ได้เลยว่าเป็นใคร ลักษณะการแต่งกาย สวมใส่เสื้อโปโล แขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ ขายาวสีน้ำเงิน สวมใส่รองเท้าแตะแบบหูหนีบสีดำ และมีกระเป๋าสะพายสีดำ 1 ใบ ตรวจสอบแล้วพบเอกสารใบขับขี่ 1 ใบ ทราบชื่อต่อมา ชื่อนาย ธนินท์รัฐ ( ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 35 ปี
จากการสอบถามจากผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว เบื้องต้นยังไม่ขอให้ข้อมูลใดๆ เลย ทราบจากพลเมืองดีที่ทราบข่าวแล้วตามมาที่โรงพยาบาล บอกเล่าแค่เพียงว่า ” ผู้เสียชีวิตคนดังกล่าวพลัดตกลงมาจากห้างดังแห่งหนึ่งย่านพระราม 3 แต่ทราบว่า ตกลงมาจากบนชั้นที่ 5 ของอาคาร ลงมาที่ชั้น 1 แล้วทางเจ้าหน้าที่ของห้างก็รีบนำใส่บอร์ดแล้วขนขึ้นรถ มาส่งที่โรงพยาบาลแห่งนี้เลย ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นก็ไม่ทราบแล้ว ”
ส่วนทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้ทำการประสานไปที่สถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกร ให้ส่งเจ้าหน้าที่ มาตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลวัดพระยาไกร มาถึงที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบเหตุเบื้องต้นแล้วพบว่า เหตุที่เกิดขึ้นนั้นเป็นพื้นที่ของ สถานีตำรวจนครบาล บางโพงพาง จึงทำการประสานต่อไป ที่ สน.พื้นที่ทันที
ต่อมา ร.ต.ท.ธวัช จันทร์เทพ รอง สว.สอบสวน สน.บางโพงพาง เมื่อได้รับแจ้งแล้ว จึงเร่งรัดจัดกำลัง พร้อมทั้งได้ประสานไปทางกองพิสูจน์หลักฐาน และ แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลจุฬา เพื่อมาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกัน
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาถึงได้ทำการบันทึกภาพแล้วเก็บลายพิมพ์นิ้วมือ แล้วลงความเห็นให้อาสาสมัครกู้ภัยนำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลจุฬา เพื่อตรวจสอบถึงสาเหตุการณ์เสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป พร้อมจะเร่งประสานญาติของผู้เสียชีวิตมาสอบถามเพิ่มเติมถึงสาเหตุ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
ต่อมาญาติของผู้เสียชีวิตได้มาถึงสถานีตำรวจนครบาลบางโพงพาง ชื่อ นาย สุชัย ( ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 54 ปี เป็นพ่อของผู้เสียชีวิตได้กล่าวว่า ” ตนเป็นพ่อของผู้เสียชีวิต เมื่อมาทราบข่าวว่าลูกชายของตนเสียชีวิตแล้วตนเองก็รู้สึกตกใจและเสียใจมากจึงรีบมาดูที่ สน.แห่งนี้ ตนทราบแต่เพียงว่าเขาทำงานเป็นกรรมการอยู่บริษัทแห่งหนึ่ง พักหลังมีปัญหากับที่ทำงานจึงทำให้เกิดการลาออกจากงาน แต่ตนเองก็ไม่เชื่อว่าการที่ลูกชายของตนเองต้องมาจบชีวิตครั้งนี้สาเหตุเป็นเพียงเพราะแค่เรื่องตกงานเท่านั้น แค่ตกงานยังไงก็อยู่ได้เพราะเชื่อว่าลูกชายของตนเองเป็นคนมีความรู้และความสามารถ ส่วนเรื่องที่ทาง รปภ.ของห้างที่นำศพของลูกชายตนออกจากที่เกิดเหตุโดยที่ไม่รอเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบนั้น ตนเองรู้สึกติดใจและ คิดว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดกับทางห้างดังกล่าว เพราะเป็นการทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุ และเป็นเป็นการซ่อนเร้นอำพรางศพ ซึ่งสภาพร่างของลูกชายตนเป็นอย่างนี้ก็คาดว่าน่าจะเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุอยู่แล้ว ตนเลยสงสัยว่าทำไมทางห้างถึงได้รีบนำศพออกไปเร็วนัก หรืออาจจะเป็นการฆาตกรรม หรือเปล่า เรื่องนี้ผมต้องขอความเป็นธรรม และ ขอความชัดเจนด้วยครับ”
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม