ข่าวทั่วไป

นนทบุรี – ชาวบ้านร้อง หลังน้ำท่วมบ้านเสียหายแต่ไม่ได้รับเงินเยียวยา ข้องใจใช้เกณฑ์อะไรตัดสินว่าบ้านไหนควรได้หรือไม่ได้

นนทบุรี – ชาวบ้านร้อง หลังน้ำท่วมบ้านเสียหายแต่ไม่ได้รับเงินเยียวยา ข้องใจใช้เกณฑ์อะไรตัดสินว่าบ้านไหนควรได้หรือไม่ได้

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 ม.ค.2566 ที่ชุมชุนวัดตำหนักเหนือ ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนในเรื่องไม่ได้รับเงินเยียวยาจากน้ำท่วมเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งมีบ้านที่ได้รับความเสียหายหลายหลังคาเรือน และมีบางส่วนได้เงินช่วยเหลือไปบ้างแล้ว แต่ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่3 อีกกว่า 20 หลังคาเรือนยังไม่มีการช่วยเหลือ แถมเอกสารที่ยื่นขอรับความช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้นได้หายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ข้องใจหนักบ้านอยู่ติดกันแต่ได้รับการช่วยเหลือเพียงหลังเดียว เจ้าหน้าที่ใช้เกณฑ์อะไรมาตัดสิน เพราะเวลาน้ำท่วมก็ท่วมเหมือนกัน

น.ส.กฤดา หรือพี่ดา รุ่งหนองกะดี่ อายุ 57 ปี (ใส่เสื้อลายตารางสีครีมสวมหมวก) ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนวัดตำหนักเหนือมานานกว่า 50 ปี เล่าว่า ตั้งแต่ช่วงที่น้ำท่วมไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแลชาวบ้านเลยมีแต่นักข่าวที่มาทำข่าวตอนน้ำท่วม พวกไม้ที่ใช้ต่อทำทางเดินก็ต้องไปขนเอาเองที่ อบต.บางตะไนย์ คนที่ไม่มีรถไปขนก็ลำบากหน่อย แล้วพอหลังจากระดับน้ำลดลงแล้วตนก็ได้ยินว่สจะมีเงินช่วยเหลือเยียวยาบ้านที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม จากนั้นก็มีแบบฟอร์มให้เราเขียนรายละเอียดต่างๆ เพื่อส่งให้กับเจ้าหน้าที่ อบต.บางตะไนย์ ซึ่งตนก็ทำตามทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่ อบต.ฯแนะนำ พอสุดท้ายแล้วบ้านตนและเพื่อนบ้านระแวกเดียวกันกว่า10หลังไม่มีใครได้เลย ทั้งๆที่น้ำก็ท่วมจนบ้านเสียหายเหมือนกัน บ้านบางหลังได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยา 3,000 – 5,000 บาท แต่ตนกลับไม่ได้เลยซักบาทเดียว อยากถามว่าเจ้าหน้าที่ใช้เกณฑ์อะไรมาตัดสินว่าบ้านไหนควรได้บ้านไหนไม่ควรได้ ส่วนเอกสารขอรับเงินเยียวยาที่ตนยื่นให้ทาง อบต.ฯไป เจ้าหน้าที่ก็ทำหายใครจะรับผิดชอบในส่วนนี้ และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตนก็เข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ค้นหาเอกสารของตนที่เคยยื่นไปก็หาไม่เจอ พอหนังสือรายชื่อผู้ที่ได้รับเงินเยียวยาออกมาแล้วไม่พบชื่อตน จึงได้สอบถามเพื่อนบ้านในระแวกเดียวกันก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีใครได้เลย สร้างความสงสัยให้กับตนเป็นอย่างมาก ถึงอยากให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ชาวบ้านอย่างเราอยากได้รับความยุติธรรม

นาง เตือนใจ ใจศรี อายุ 50 ปี (สวมเสื้อเชิ้ตสีส้ม) เล่าว่า ตอนน้ำท่วมเดือนร้อนกันหมดแต่กำนันไม่ลงมาดูความเดือนร้อนของชาวบ้านเลย ไม่มีหน่วยงานหรือส่วนไหนเข้ามาดูความเดือดร้อนเลย และเงินเยียวยาทำไมบางบ้านได้บางบ้านไม่ได้ บ้านบางหลังน้ำไม่ท่วมเลยทำไมได้เงินเยียวยาเยอะ ส่วนหลังที่โดนน้ำท่วมจนเสียหายหมดได้แค่ไม่กี่ร้อย ทำไมมี2มาตรฐาน มันต้องทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันซิ ความเดือดร้อนมันเหมือนกันหมด ตนก็ส่งเอกสารการขอรับเงินเยียวยาไปเหมือนกันแต่กลับไม่มีรายชื่อของผู้ที่ได้รับเงินเยียวยาเพราะอะไร เพราะบ้านบางหลังได้เยอะ อีกหลังได้น้อย เจ้าหน้าที่ใช้หลักเกณฑ์อะไรในการจ่ายให้บ้านแต่ละหลัง บางหลังเกือบหมื่นบางหลังได้แค่ร้อยกว่าบาท ถามหน่อยเขาจะเอาไปใช้ซ่อมอะไรได้ เคยถามไปที่ อบต.ฯแล้ว ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรที่ชัดเจน เอกสารที่ยื่นไปก็หาย ตนต้องเป็นคนรับผิดชอบไหมหรือเจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบ

ทางด้าน นาย ประสิทธิ์ บุญขำ อายุ 58 ปี (สวมเสื้อยืดสีขาว) ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนวัดตำหนักเหนือ เล่าว่า บ้านตนก็ได้รับความเสียหายเหมือนกันแต่เนื่องจากว่าไม่ได้รับสิทธิ์เงินช่วยเหลือตรงนี้เพราะว่าทางเจ้าหน้าที่ต้องการให้ถ่ายรูปสภาพตอนที่น้ำท่วมบ้านและได้รับความเสียหายส่งให้เจ้าหน้าที่อีกรอบ แต่เห็นว่ามันยุ่งยากเลยขอสละสิทธิ์ไป แต่พอทราบว่าเพื่อนบ้านที่ยู่ติดๆกันไม่ได้รับเงินเยียวยาตรงนี้ ก็คิดว่ามันไม่มีความเสมอภาคกัน ไม่ว่างบช่วยเหลือตรงนี้จะน้อยจะมากก็อยากให้เฉลี่ยๆกันไป เพราะเวลาน้ำท่วมเดือดร้อนกันหมดทุกหลัง แต่ถ้าจะทำแบบนี้ก็ระบุบ้านมาเลยว่าบ้านนี้ให้ บ้านนี้ไม่ให้และชี้แจงเหตุผลให้ชาวบ้านเขาเข้าใจ ตนก็ไม่รู้ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่เขามีเกณฑ์การตัดสินอย่างไรว่าบ้านไหนควรได้เท่าไร

สาโรจน์ สว่างศรี / นนทบุรี