โผล่จากอุโมงค์ข้ามแยก เบรคไม่ทันชนท้ายกัน 6 คัน เจ็บ 3 ราย ย่านตากสิน
วันที่ 13 ก.ย.63 เวลา 20.00 น. สิบตำรวจเอก จักรพันธ์ ประเทียบอินทร์ สายตรวจ สน.บุคคโล ได้รับแจ้งมีเหตุรถชนกันหลายคัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณ ฝั่งตรงข้าม ใกล้เคียงบิ๊กซีดาวคะนอง จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมประสานรถอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
เมื่อเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครไปถึงที่เกิดเหตุ บริเวณทางขึ้นอุโมงค์มไหสวรรค์ มุ่งหน้าพระประแดง ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร พบรถยนต์เก๋ง 4 กัน และรถแท๊กซี่ต่อท้าย 1 คัน ส่วนรถ จยย. ล้มตะแคงติดฟุตบาท 1 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เป็น ชาย 1 ราย หญิง 1 ราย มา รถจยย. ส่วนหญิงอีก 1 ราย มารถเก๋งคันที่ 3 อาสานำส่ง รพ.บางปะกอก 9 ส่วนชายและหญิง ส่ง บางปะกอก 1
รถยนต์นั่งบุคคลคันที่ 1 เป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ทะเบียน ฆห 279 กทม. คันที่ 2 เป็นรถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า วีออส สีบอล์นเงิน ทะเบียน สช 1553 กทม. คันที่ 3 รถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น HRV สีเทาดำ ทะเบียน 4 กพ 1456 กทม. คันที่ 4 รถยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นซีวิค สีบอล์นเงิน ทะเบียน 3 กฎ 7566 กทม. คันที่ 5 รถแท๊กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีชมพู ทห 1780 กทม. และ รถ จยย. ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น R15 สีเขียว ทะเบียน 6 กภ 7095 กทม. ชนต่อท้ายเรียงกันบริเวณทางขึ้นมาจากอุโมงค์มไหสวรรค์ มุ่งหน้าพระประแดง
สอบถามนาย ณัชพล แซ่โซ อายุ 40 ปี เป็นผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า “ผมขี่รถมาจากแยกตากสิน มุ่งหน้า ถนนสุขสวัสดิ์ ผมก็ขี่รถ ลงอุโมงค์ข้ามแยกมไหสวรรค์มา พอโผล่ขึ้นมาก็พบว่า รถจอดติดกันหลายคัน จึงเบี่ยงออกดูว่าเกิดไรขึ้น พอเห็นว่าเป็นรถชนกันหลายคัน จึงนีบจอดข้างทาง เพื่อไปดูว่ามีคนเจ็บหรือไม่ จะได้ช่วยประสานกู้ภัยให้มาช่วยเหลือ ปรากฎว่า มีผู้บาดเจ็บ 3 คน รถเก๋งชนกัน 5 คัน และรถมอไซค์อีก 1 คัน ส่วนป้าที่อยู่บริเวณนั้น เล่าให้ผมฟังว่า ก่อนหน้านี้มีรถเก๋งชนกันก่อนแล้ว 2 คัน แล้วรถเก๋งอีก 2 คัน ขึ้นมาจากอุโมงค์แล้วมองไม่เห็นว่ามีรถชน จึงชนซ้ำไปอีก ส่วนแท๊กซี่ โผล่ขึ้นมาอีก แต่พยายามเบี่ยงแต่ก็ไม่พ้น ชนท้ายอีก แล้ว รถมอไซค์ที่ตาม ก็คิดว่า แท๊กซี่ไปพ้น จึงตามชนท้ายกันอีก แล้วจึงล้มตะแคง ไป ดีว่า ตอนที่ผมตามหลังมา รถไม่ค่อยเยอะ ไม่งั้นก็ชนซ้ำกันไปอีก พอผมเห็นแบบนี้ จึงโทรประสานรถกู้ภัยมาช่วยเหลือพาคนเจ็บไปส่ว โรงพยาบาลทันทีครับ”
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ สายตรวจ เก็บบันทึกภาพที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะให้นำรถคู่กรณีทั้งหมดเข้าข้างทางก่อนเพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร และเกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นอีก หลังจากนั้นแล้ว ค่อยเรียกคู่กรณีทั้งหมดมาสอบถามความเป็นมา ว่าเกิดเหตุขึ้นได้ยังไง และ ตรวจสอบว่ายริเวณที่เกิดเหตุหรือ ใกล้เคียงมีกล้องวงจรปิดหรือไม่ก่อนจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.