จังหวัดอุตรดิตถ์ ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) การซื้อ-ขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สร้างความเชื่อมั่นให้เกษตรกร
เมื่อ 14 ก.ย.2563 ที่ห้องประชุม สหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุตรดิตถ์ จำกัด จ.อุตรดิตถ์ นายพิภัช ประจันเขตต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานกล่าวเปิดและลงนามเป็นสักขีพยานในบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือ (MOU) การซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ระหว่างผู้ประกอบการค้าขายอาหารสัตว์กับสหกรณ์การเกษตรผู้รวบรวมผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกร เพื่อแสดงความร่วมมือ ในการส่งเสริมเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดให้เป็นไปตามแนวทาง “การตลาดนําการผลิต” ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกษตรกรเกิดความเชื่อมั่นในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เชื่อมโยงแหล่งรับซื้อผลผลิตตามแนวทางของภาครัฐ ซึ่งตกลงร่วมกันกําหนดราคาและระบบการซื้อขายที่เป็นธรรม ได้ผลตอบแทนคุ้มค่าและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกร โดยมี นายกรกฎ ชยุตรารัตน์ สหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วย นายประพันธ์ มายรรยงค์ ผู้จัดการ สหกรณ์การเกษตรเมืองอุตรดิตถ์ จำกัด และผู้แทนหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, สำนักงานพาณิชย์จังหวัด, ธ.ก.ส., ผู้แทนสถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการภาคเอกชน ร่วมพิธี
นายกรกฎ ชยุตรารัตน์ สหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า จังหวัดอุตรดิตถ์ มีพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กว่า 100,000 ไร่ และจากการที่สหกรณ์การเกษตรในจังหวัดอุตรดิตถ์หลายแห่ง ได้ดําเนินธุรกิจรวบรวมผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรทั่วไป และมีการส่งเสริมการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ํา กลางน้ํา จนถึงปลายน้ํา สามารถแปรรูปผลผลิต คัดแยกเกรดให้ได้คุณภาพตามความต้องการของภาคเอกชน จึงทำให้มีปริมาณผลผลิตเพิ่มมากขึ้น คาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 50,000 ตัน ทั้งนี้ จังหวัดอุตรดิตถ์ถือเป็นแหล่งเลี้ยงไก่ไข่และปลากระชังมากที่สุดในประเทศ ทำให้สามารถรองรับอาหารสัตว์ที่จะแปรรูปในแต่ละฟาร์มได้เป็นอย่างดี
ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า จังหวัดอุตรดิตถ์ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนแนวทางการตลาดนำการผลิต ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาโดยตลอด ดำเนินงานตามแนวทาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ขาย” สามารถแก้ไขปัญหาสินค้าล้นตลาดและราคาผลผลิตตกต่ำแบบซ้ำซาก ซึ่งการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ว่ามีตลาดรองรับที่แน่นอน เชื่อมโยงแหล่งรับซื้อผลผลิต มีการประสานตลาดให้เกิดการซื้อขายอย่างเป็นธรรม เกษตรกรสามารถทราบราคาที่แน่นอน เพื่อตัดสินใจก่อนการผลิต โดยมีสหกรณ์การเกษตรเป็นกลไกในการรวบรวมผลผลิตจําหน่าย เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างปริมาณการผลิตกับความต้องการของตลาด ทําให้ผู้ซื้อสามารถวางแผนการรับซื้อผลผลิตให้เพียงพอกับการผลิต โดยผู้ซื้อรับซื้อทุกเมล็ด ราคาตามคุณภาพ (ความชื้น) สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด เลี้ยงสัตว์ได้อย่างแท้จริง
ปวินท์ อินกล่ำ รายงาน