ศอ.บต. จับมือผู้นำศาสนา ต้านกระท่อม สร้างภูมิคุ้มกันเยาวชนชายแดนใต้ หนุนมาตรการ “120 วัน วาระพืชกระท่อม” ผลักดันกลับสู่บัญชียาเสพติดดึงเยาวชนออกจากวงจรการใช้พืชกระท่อมผิดวัตถุประสงค์
นราธิวาส/ข่าว-ฮามีดะห์
ศอ.บต. จับมือผู้นำศาสนา ต้านกระท่อม สร้างภูมิคุ้มกันเยาวชนชายแดนใต้ หนุนมาตรการ “120 วัน วาระพืชกระท่อม” ผลักดันกลับสู่บัญชียาเสพติดดึงเยาวชนออกจากวงจรการใช้พืชกระท่อมผิดวัตถุประสงค์
เสียงสะท้อนของผู้นำศาสนาสอดคล้องกับการขับเคลื่อนปฏิบัติการ “120 วัน วาระพืชกระท่อม” ซึ่งนำโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ ชลชลลบลลลพ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. ที่มุ่งแก้ไขปัญหาการใช้ใบกระท่อมในทางที่ผิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้กระแส “ไม่เอากระท่อม” เพื่อป้องกันผลกระทบต่อเยาวชน สังคม และความสงบเรียบร้อย
โดยนายสายนูดิน มามุ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ หัวหน้างานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและอำนวยความเป็นธรรม กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาความมั่นคง ศอ.บต. ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส
ร่วมผู้นำศาสนา ขับเคลื่อนปฏิบัติการ “120 วัน วาระพืชกระท่อม” มุ่งแก้ไขการใช้ใบกระท่อมในทางที่ผิด ป้องกันผลกระทบต่อเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ผนึกกำลังผู้นำศาสนาในพื้นที่ สนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. ภายใต้ปฏิบัติการ “120 วัน วาระพืชกระท่อม” เพื่อป้องกันการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิดในกลุ่มเยาวชน และรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายมะสะกรี เล๊าะโอะ บิหลันมัสยิดอัลยามาอะห์กูยิฮูลู อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การใช้ใบกระท่อมในพื้นที่ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่มีการนำใบกระท่อมไปต้มผสมกับสารอื่น ๆ จนเกิดอาการมึนเมา และส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและพฤติกรรมอย่างชัดเจน
นายมะสะกรี ระบุว่า ในอดีตใบกระท่อมไม่ได้เป็นปัญหามากนัก เนื่องจากชาวบ้านใช้เพียงเพื่อเพิ่มแรงงานในชีวิตประจำวัน แต่ปัจจุบันกลับมีการนำไปผสมกับสารอื่นจนทำให้เกิดฤทธิ์มึนเมา ส่งผลให้เยาวชนบางคนขาดความรับผิดชอบ มีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย และละเลยข้อปฏิบัติทางศาสนา อีกทั้งยังทำให้ร่างกายทรุดโทรม ผิวคล้ำ และปรากฏเม็ดตามร่างกาย
“ในทางหลักศาสนา น้ำกระท่อมที่นำไปผสมจนเกิดอาการมึนเมาถือเป็นสิ่งต้องห้าม ขณะเดียวกันน้ำกระท่อมที่ไม่ได้ผสม แม้จะช่วยให้ทำงานได้แต่ก็เสี่ยงต่อการเสพติด เพราะเมื่อไม่ได้ดื่มก็จะรู้สึกไม่มีแรง” นายมะสะกรี กล่าว พร้อมย้ำว่า ผู้นำศาสนาได้พยายามบรรยายให้ความรู้ในมัสยิดเป็นประจำ แต่การดำเนินการก็มีข้อจำกัด เนื่องจากไม่มีอำนาจทางกฎหมายโดยตรง โดยผู้นำศาสนาในพื้นที่ได้เข้าร่วมรณรงค์ให้ความรู้แก่เยาวชน ในสถาบันต่าง ๆ เช่น มัสยิด โรงเรียนตาดีกา และปอเนาะ โดยมีการแทรกเนื้อหาเรื่องภัยของพืชกระท่อม เข้าไปในคำบรรยายธรรม คุตบะห์ และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจให้เยาวชนไม่นำมาใช้ในทางที่ผิด
อีกทั้งยังแสดงความกังวลต่อแนวโน้มเยาวชนอายุต่ำกว่า 12 ปี ที่เริ่มเข้าไปเกี่ยวข้องกับน้ำกระท่อม เนื่องจากใบกระท่อมปัจจุบันไม่ผิดกฎหมาย จึงทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เว้นแต่ในกรณีที่มีการนำไปผสมจนเข้าข่ายผิดกฎหมาย
นายมะสะกรี จึงเสนอแนะให้ภาครัฐพิจารณานำใบกระท่อมกลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดตามเดิม เพื่อควบคุมการใช้ให้เหมาะสม และป้องกันไม่ให้เยาวชนใช้ในทางที่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสังคมในอนาคต