พลเอก ประวิตร มอบบิ๊กอ๊อด ประชุมโอลิมปิค ติดตามความก้าวหน้า เจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เพิ่มเชียงใหม่ เจ้าภาพ
แข่งฟุตบอลรอบคัดเลือก
เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้มีการจัดการประชุมกรรมการบริหารคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ครั้งที่ 4 ประจำปี 2567 โดยวันนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้มอบหมายให้ พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานกิตติมศักดิ์ตลอดชีพฯ เป็นประธาน
การประชุมฯ แทน ซึ่งมีวาระสำคัญ คือการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในปีหน้า และการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงโครงการส่งเสริมการกีฬาเพื่อพัฒนาชาติไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ความก้าวหน้าของ สมาคมสหพันธ์กีฬาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAGF Office) เกี่ยวกับ ผลการประชุมมนตรีกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 2 จากผู้แทนชาติสมาชิก 11 ชาติ ที่เข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติชนิดกีฬา ประเภทกีฬา และรายการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พร้อมสนามแข่งขัน 3 จังหวัดเจ้าภาพ คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี และสงขลา ประกอบไปด้วย 50 ชนิดกีฬา 105 ประเภทกีฬา 569 รายการ และกีฬาสาธิต อีก 3 ชนิดกีฬา ได้แก่ ชักกะเย่อ จานร่อน และกีฬาทางอากาศ นอกจากนี้ได้อนุมัติบรรจุ 3 ชนิดกีฬา คือ กาบัดดี้ วู้ดบอล และเจ็ตสกี ให้สามารถจัดการแข่งขันได้ ซึ่ง กรุงเทพฯ จะใช้แข่งขันจำนวน 38 สนาม ชลบุรี 14 สนาม สงขลา 6 สนาม และจะเพิ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลรอบคัดเลือก ขณะที่ มาเลเซีย ยืนยันการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 34 ในปี 2570 แน่นอนแล้ว ส่วนการเตรียมเป็นเจ้าภาพของไทยในปีหน้านั้น สิ่งที่กำลังดำเนินการ คือการปรับปรุงสถานที่การปฏิบัติงานของคณะกรรมการจัดการแข่งขัน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ธันวาคมนี้ การเตรียมข้อมูลต่างๆในการเตรียมทีมนักกีฬา ทั้งเรื่องทดสอบสมรรถภาพร่างกายนักกีฬา ความต้องการด้านงบประมาณ ที่เตรียมจะขออนุมัติงบกลางเพิ่มเติม เพื่อให้การเตรียมทีมนักกีฬาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับความคืบหน้า การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 ที่เตรียมจะเปิดฉากขึ้นระหว่างวันที่ 7-14 กุมภาพันธ์ ปี 2568 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน กับ 6 ชนิดกีฬา โดยจะมี 2 ชนิดกีฬาที่เริ่มแข่งขันก่อนพิธีเปิด คือ กีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง และกีฬาเคอร์ลิ่ง โดยไทยเตรียมส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมชิงชัยจำนวนทั้งสิ้น 132 คน นอกจากนี้ยังมีโครงการส่งเสริมการกีฬาเพื่อพัฒนาชาติไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สำหรับการพัฒนาการกีฬาของชาติ เพื่อส่งเสริมให้ยุวชน เยาวชน และประชาชนทั่วไปให้มีนิสัยรักการออกกำลังกาย และเล่นกีฬาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตสู่สังคมที่น่าอยู่ ห่างไกลยาเสพติดและอบายมุข มีโอกาสเข้าร่วมแข่งขัน พัฒนาทักษะและความสามารถในการเล่นกีฬาสู่ความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ โดยให้มีการสนับสนุน การใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาศักยภาพนักกีฬา ภายใต้ความร่วมมือจากหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการกีฬาของประเทศทั้งจากภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน ซึ่งจะมีพิจารณาโรงเรียนกีฬานำร่อง ประเภทต่างๆ ได้แก่ มวยไทย มวยสากล ฟุตบอล วอลเล่ย์บอล กรีฑา ตะกร้อ และกีฬาอื่นๆ ตามความถนัดของแต่ละภูมิลำเนา สำหรับพื้นที่ดำเนินการ คือ จังหวัดที่มีโรงเรียนกีฬาในสังกัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
โดย ประธานการประชุมยังได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมเตรียมทีมนักกีฬา และความพร้อมด้านต่างๆ อย่างเต็มที่ ในการเตรียมเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ของไทยในปีหน้า พร้อมกำชับให้ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา และด้านโภชนาการ เข้ามาช่วยสนับสนุนผลักดันให้การเตรียมทีมมีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมถึงเข้มงวดการงดใช้สารต้องห้ามอย่างเด็ดขาด และขอให้พิจารณาส่งเสริมเปิดโอกาสให้นักกีฬาหน้าใหม่ได้สร้างผลงานเพื่อพัฒนาตนเองด้วย โอกาสนี้ ประธานการประชุมได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจ กับเจ้าหน้าที่และทุกสมาคมกีฬา เชื่อมั่นว่าทุกคนจะช่วยกันเตรียมความพร้อมได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายความสำเร็จ ซึ่งจะนำความภาคภูมิใจมาสู่ประเทศชาติ และประชาชน ต่อไป