วันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 09.09 น. ณ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานวางศิลาฤกษ์อาคารสนับสนุนบริการ อาคารจอดรถ อาคารพักแพทย์และบ้านพักข้าราชการระดับสูง โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา โดยนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี มอบหมายให้ นางพรรณวิภา ปิยัมปุตระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมเป็นเกียรติในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสนับสนุนบริการ พร้อมด้วย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกาญจนบุรี นายแพทย์ธีรพจน์ ฟักน้อย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี นายแพทย์นิสิต ศรีสมบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา คณะผู้บริหารในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดกาญจนบุรี บุคลากรของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เข้าร่วมในพิธีฯ
โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาด 597 เตียง ที่เป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายให้การสนับสนุนโรงพยาบาลทั่วไป 1 แห่ง และโรงพยาบาลชุมชน 14 แห่ง ในจังหวัดกาญจนบุรี จึงต้องพัฒนาทั้งด้านคุณภาพบริการและโครงสร้างพื้นฐาน อาคารสถานที่ โดยในปี 2567 ได้จัดทำโครงการก่อสร้างอาคารภายในโรงพยาบาล รวม 4 โครงการ ทั้งอาคารสนับสนุนบริการและอาคารที่พัก เพื่อรองรับการขยายบริการที่เพิ่มมากขึ้น ให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐานจากบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยลดอัตราป่วยตายในโรคสำคัญ ประชาชนในจังหวัดกาญจนบุรีมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงยังเป็นการดูแลสร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรผู้ปฏิบัติงานด้วย
โครงการก่อสร้างทั้ง 4 โครงการ ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และเงินบำรุงของโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา รวม 321,035,000 บาท ประกอบด้วย อาคารสนับสนุนบริการ 8 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 7,296 ตร.ม. รองรับคลังพัสดุ คลังยาและเวชภัณฑ์ หน่วยจ่ายกลางและงานซักฟอก, อาคารจอดรถ 10 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 16,603 ตร.ม. ซึ่งเพียงพอสำหรับผู้มาใช้บริการและเจ้าหน้าที่ สนับสนุนนโยบาย EMS สิ่งแวดล้อมดี มีความทันสมัย บริการอย่างมืออาชีพ, อาคารพักแพทย์ 40 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 2,702 ตร.ม. และบ้านพักข้าราชการอำนวยการระดับสูง พื้นที่ใช้สอย 165 ตร.ม. ซึ่งจะเป็นสวัสดิการสำหรับแพทย์ของโรงพยาบาลที่ต้องปฏิบัติงานทั้งในและนอกเวลาราชการ
ทั้งนี้เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะสามารถรองรับการขยายบริการที่เพิ่มมากขึ้น มีความพร้อมในการให้บริการดูแลผู้ป่วย ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว มีความปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ แรงจูงใจในการทำงานของบุคลากร ส่งผลให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพต่อการปฏิบัติงานเกิดประสิทธิผลต่อองค์กร มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งผู้รับและผู้ให้บริการ