ชุมพร – นายอำเภอท่าแซะ สั่งปลัดอำเภอร่วม ชุด ชรบ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตรวจเข้ม บ้านช่องหินหมู
ธนากร โกศลเมธีรายงาน 0818923514
ความคืบหน้าผู้สื่อข่าวรายงานวันที่ 26 เม.ย. นายพิศิษฐ์ ฤทธิพิชัยสงคราม นายอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร เปิดเผยว่า กรณีได้ปรากฏข่าวสารที่คณะทำงานร่วมระหว่างผู้ตรวจการแผ่นดิน กับ กอ.รมน.ภาค 4 เข้าดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีคนไทยร่วมกับชาวกะเหรี่ยง บุกรุกพื้นที่ป่าของประเทศเมียนมา เพื่อปลูกพืชอาสินทางการเกษตรแล้วลักลอบนำกลับเข้ามาขายในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติในเขตพื้นที่ ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ โดยคณะทำงานได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับ ปปป.-ปปช.เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดนั้น เบื้องต้นเชื่อว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ส่วนใครจะมีสวนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดนั้นตนไม่มีความเห็น ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายกฎหมาย แต่ในส่วนของความรับผิดชอบในฐานะที่ตนเป็นนายอำเภอ ก็ได้บูรณาการกำลัง ชุด ชรบ.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับฝ่ายตำรวจและทหาร จัดชุดลาดตระเวนตามช่องทางธรรมชาติทุกเส้นทาง และห้ามมิให้ใช้เส้นทางโดยเด็ดขาด ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนก็ได้มีนโยบายสั่งการไปยังพื้นที่แนวชายแดนในการกวดขัน จับกุมการกระทำที่ผิดกฎหมายในเขตพื้นที่ภายในราชอาณาจักรไทย โดยตลอด แต่การทำงานยังไม่พบผู้กระทำผิดดังกล่าว มีเพียงการจับกุมยาเสพติดเล็กน้อยเท่านั้น
นายอำเภอท่าแซะ กล่าวยอมรับว่า บริเวณพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อยู่ไกลหูไกลตายากแก่การควบคุมดูแลได้อย่างทั่วถึงประกอบกับพื้นที่ที่ถูกบุกรุกเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน จึงไม่ใช้อำนาจเขตรับผิดชอบ ส่วนกรณีด้านความมั่นคงก็มีหน่วยทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน มีฐานที่ตั้งกองกำลังคอยปฏิบัติการสอดส่องอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามต่อข้อถาม ที่ว่า ล่าสุดได้มีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาของบุคคล ฝ่ายหนึ่งแทนตัวเองว่า กำนัน ส่วนคู่สนทนา ถูกระบุว่าเป็น ผู้ใหญ่บ้าน โดยสาระของคลิปเสียงดังกล่าวมีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับการนำรถแบคโฮ เข้าไปปรับพื้นที่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ โดยผู้ที่กล่าวอ้างว่าเป็นกำนัน ระบุว่า ตนเองเป็นผู้จัดการเคลียร์เส้นทางการนำรถแบคโฮ ข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน และมีการจ่ายเงินให้กับนายอำเภอเดือนละ 10000 บาท นั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด และยังไม่ขอให้ข้อมูลอะไร ขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งก็ต้องไป พิสูจน์กันต่อไป แต่อยากบอกว่า การพูดจาลักษณะดังกล่าวเป็นการเข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือไม่