ปทุมธานีกันจอมพลังเปิดเกมล่าโจรนินจาก่อเหตุชิงทรัพย์พบผู้เสียหายแจ้งความกว่า13โรงพัก
เมื่อวันนี้ เวลา 11.00 น.วันที่ 29 เม.ย.68 ที่ สภ.ลำลูกกา กัน จอมพลัง พร้อม ทีมงาน พาผู้เสียหายหลายราย ที่ถูกคนร้ายก่อเหตุ ชิงทรัพย์ เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกา เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ซึ่งเคสนี้เกิดจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก โดยเริ่มต้นจากผู้เสียหายได้มีการโพสขายของ Facebook Marketplace แล้วคนร้ายติดต่อเข้ามาของซื้อ ซึ่งจะมีการออก อุบายในการซื้อขายโดยผ่านการส่งสินค้าผ่านไรเดอร์ เข้าไปรับของ ก่อนที่จะรับของแล้วหลบหนีไป โดย “กัน จอมพลัง” เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายหลายราย ร้องขอความช่วยเหลือถูกโจรนินจาชิงทรัพย์ ผู้เสียหายหลายคนไปโพสต์ขายของในกลุ่ม พฤติกรรมของโจรรายนี้จะทักไปหาคนที่ขายของ แล้วทำทีเป็นนัดเจอ จากนั้นก็จะขโมยของ และหลบหนีโดยทันที เช่น เคสที่มาในวันนี้ น้องขายกล้อง แต่โจรนินจา พี่ทำทีเป็นลองเทสระบบสั่น จากนั้นขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ แล้วขับรถบิดหนี ผู้เสียหายวิ่งตามแต่ก็ไม่ทัน ซึ่งโจรนินจารายนี้ถือว่าอุกอาจเป็นอย่างมาก เนื่องจากก่อเหตุมาแล้วหลายราย มีคดีตามตัวมาร่วม 10 – 20 คดี ตอนนี้รวบรวมได้ 13 สถานีตำรวจ แต่ตอนนี้ยังตามจับตัวคนร้ายไม่ได้ วันนี้ตนเองจึงพาผู้เสียหายส่วนหนึ่ง เดินหน้าเข้าแจ้งความที่ สภ.ลำลูกกา เคสนี้ถือว่าอุกอาจเป็นอย่างมาก ตนเองจะดำเนินการให้ถึงที่สุดจนกว่าจะจับตัวคนร้ายได้
ด้าน นาย จอน อายุ 32 ปี ผู้เสียหายรายแรก เล่าว่า วันที่ 19 เมษายน 2568 ตนเองได้มีการโพสขายกล้อง sony a7c2 ในราคา 59,000 บาท ผ่าน Facebook Marketplace หลังจากลงโพสต์ขายของไม่นาน คนร้ายติดต่อเข้ามาของซื้อในเวลา เวลา 18.00 น. ได้มีการพูดคุยตกลงกัน นัดรับของ โดยคนร้ายขอให้ตนเองกดเรียกไรเดอร์นำของมาส่งของแถวคลองหลวง ก่อนจะมีการเปลี่ยนสถานที่ให้เจอแถวลำลูกกาแทน หลังจากนั้น ไรเดอร์ได้ส่งกล้องให้คนร้ายดู ก่อนที่คนร้ายจะขี่รถจักรยานหลบหนีไป เพื่อชิงกล้องถ่ายรูป จากนั้นไรเดอร์ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตามคนร้ายไปถึง 15 กม. แต่ไม่ทัน พร้อมบันทึกคลิปวิดีโอส่งให้ตนเองดูไว้เป็นหลัก (ผู้ชาย / เสื้อสีดำ / ใส่หมวก / ใส่แว่น)
ต่อมาพูดคุยกับ นายแซค ซึ่งเป็นผู้เสียหายอีกราย และเป็นผู้ที่รับซื้อกล้องจากคนร้าย ซึ่งเป็นกล้องที่ได้มาจากนายจอนผู้เสียหายโดยนายแซค เจ้าของร้านรับซื้อกล้อง เปิดเผยว่า หลังจากนั้นคนร้ายได้นำกล้องที่ได้ชิงทรัพย์มา ติดต่อมาขายให้กับตนเอง โดยอ้างว่าจะต้องรีบใช้เงินไปซ่อมรถมีการนัดเจอกันเพื่อดูสภาพของกล้องดังกล่าวตนเองตัดสินใจรับซื้อในราคา 40,000 บาท โดยการโอนเงินไปให้ผ่านบัญชีของคนร้าย / ซึ่งขณะนั้นทางคนร้ายไม่มีใบเซอร์หลักฐานว่าเป็นเจ้าของกล้องจริงให้ตนเองดู ตนเองจึงบันทึกคลิปวิดีโอคนร้าย พร้อมให้ถือใบขับขี่ยืนยันตัวตน ไว้เป็นหลักฐานการซื้อขาย จากนั้นตนเองได้โพสต์ขายกล้องตัวดังกล่าวผ่าน Pages ของร้านตัวเอง พร้อมบอกตำหนิของตัวกล้องทำให้ผู้เสียหายตัวจริงคือนายจอน ติดต่อเข้ามาแสดงตัว ว่ากล้องดังกล่าวถูกคนร้ายขโมยมาขาย เมื่อตรวจสอบหลักฐานจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความ โดยตนเองแจ้งความ ที่ สภ.คลองหลวง ส่วน นายจอน แจ้งความที่ สภ.ลำลูกกาจากนั้นตนเองได้ตามไปที่ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ตามที่คนร้ายกล่าวอ้าง ก็พบคนร้ายอยู่ที่ร้านซ่อมรถ ซึ่งคนร้ายไหวตัวทัน จึงรีบคว้ารถจักรยานยนต์ของร้านซ่อมรถ ขี่หลบหนีไป ส่วนรถจักรยานยนต์ของคนร้ายถูกจอดทิ้งไว้อยู่ในร้านซ่อมรถ พร้อมกระเป๋าเป้ที่คนร้ายสะพายมาด้วยอีก 1 ใบ ตนเองได้มีการทักข้อความไปพูดคุยกับคนร้ายเพื่อทวงถาม และมีการพูดว่าหากคนร้ายไม่นำเงินมาคืน ตนเองก็จะนำรถจักรยานยนต์ของคนร้ายเก็บไว้ แต่คนร้าย บอกกับตนเองว่าให้นำรถไว้ได้เลยเพราะรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวคนร้ายก็ไปขโมยจากที่อื่นมาเช่นเดียวกันขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ประสาน สภ.คลองหลวง นำรถจักรยานยนต์ของกลางที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุมาอายัดไว้อยู่ที่ สภ.ลำลูกกา (ผู้ชาย / เสื้อด้านในสีเทา)เจ้าของร้านรับซื้อกล้อง***
ต่อมาทาง นางสาว บี อายุ 24 ปี ผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า ตนเองได้โพสต์ขายโทรศัพท์ iPhone 15 pro max ราคา 30,000 บาท ในกลุ่มเฟสบุ๊ค จากนั้นคนร้ายดังกล่าวได้ทักมาหาตนเพื่อต่อรองราคา จากนั้นได้โทรมาและบอกว่า อยากขอดูสินค้าแต่จะเรียก grab มารับสินค้าเพื่อที่ตะได้นำเครื่องไปตรวจสอบก่อนเพื่อความสบายใจ แต่ตนเองไม่สบายใจบอกว่าจะเป็นคนเดินทาง และนำสินค้าไปให้ดูด้วยตัวเอง จากนั้นคนร้ายรายดังกล่าวได้เงียบหายไป เช้าวันรุ่งขึ้น คนร้ายได้ทักมาบอกว่าตอนนี้อยู่ที่หอพักของตนเองแล้ว ให้นำเครื่อง iPhone 15 pro max ลงมาให้ตรวจสอบเครื่องว่าใช้งานได้หรือไม่ ตนเองจึงลงไปหาด้านล่างหอพักหลังจากที่เจอ คนร้ายรายนี้ใช้ผ้าคลุมปิดหน้า และขอตนเองว่าอยากขอทดลองระบบสั่นได้หรือไม่ ซึ่งต้องขี่รถจักรยานยนต์ซึ่งตนเองก็บอกว่า ได้ ก่อนที่คนร้ายได้วนเทสกล้องในหอพักประมาณ 3 รอบ ทำให้ตนเองรู้สึกเอะใจ และรอบสุดท้าย คนร้าย ได้เร่งเครื่อง และบิดรถพยายามขับขี่หลบหนี ซึ่งตนเองได้วิ่งตามแล้วจับรถของคนร้ายไว้ได้ แต่คนร้ายได้บิดหนีทำให้รากร่างของตนเอง จนสะดุดล้มหัวกระแทกกับพื้น แต่โชคดีที่แฟนของตนเองอยู่ด้วย จึงนำตัวส่งโรงพยาบาล ตนเองต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาลหลายวัน จำเป็นต้องเอกซเรย์สมอง ตื่นมาตนเองจำความไม่ได้ และพยายามติดตามคนร้าย แต่คนร้ายก็อ้างว่าจะโอนเงินให้ภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป ตนเองจึงได้ดำเนินการแจ้งความไว้ที่ สน.ลาดพร้าว และตอนนี้ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้