ปทุมธานีลูกสาวนั่งร้องไห้กลางสายฝนหลังพ่อใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิตข้างบ้าน
เมื่อเวลา15.00 น.วันที่ 8 พ.ค.68 ร.ต.อ.จักรพงศ์ นุชพัฒน์ รอง.สว.สอบสวน สภ.คูคต ได้รับแจ้งเหตุมีคนยิงตัวเองเสียชีวิตภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง บริเวณกลางซอย.7 ต.คูคต. อ.ลำลูกกา. จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมทั้งรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.กานตภณ วรรณา ผกก.สภ.คูคต แพทย์เวรชันสูตร. จาก โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 ปทุมธานี และ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อนายสายยันต์ บุญชู อายุ72ปี สภาพศพนอนหงายเสียชีวิตอยู่ข้างบ้านเลขที่ 61/101ซึ่งเป็นบ้านของผู้ตายเอง ลักษณะสวมเสื้อ เชิ๊ตคอปก แขนสั้น ลายสก๊อตสีครีม กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ปลายเท้าข้างขวาพบอาวุธปืน 1 กระบอก ยี่ห้อCZขนาด 9 มม. ฝั่งตรงข้ามพบปลอกกระสุนสีเงิน 1 ขนาด9มม.1ปลอก และยังอยู่คาเพลิงอีก1นัด พบบาดแผลกระสุนเข้าขมับ ขวาทะลุขมับซ้าย 1 นัด.
จากการสอบถามนายเกษียณพงษ์(สงวนนามสกุล) อายุ71ปีเพื่อนบ้านบอกว่าตนเองกับผู้ตายเป็นเพื่อนกันซึ่งผู้ตายอยู่บ้านพักคนเดียว เพราะภรรยาได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ซึ่งผู้ตายบ่นว่าอยากตายตนเองก็คอยปลอบว่าจะรีบตายไปไหนมันยังไม่ถึงเวลา เรามีทุกอย่างแล้ว แต่ผู้ตายไปหาหมอบ่อยเดือน1 ประมาณ2 ครั้งด้วยโรคชราของคนแก่ซึ่งตนเองก็ยังบอกเขาเลยว่ามีอะไรก็ให้มาเรียก ซึ่งวันนี้ตนเองอยู่หลังบ้านเมื่องออกมาก็พบว่าตำรวจมาเต็มหมู่บ้านแล้วและก็เห็นถุงกุญแจกับแว่นตาตนเองจึงหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นของผู้ตายนำมาโยนเอาไว้
ส่วนนางสาววริศรา ถนอมรัตย์ อายุ 40 ปี ลูกสาวผู้ตายบอกว่า พ่อเขาอยู่คนเดียวที่บ้าน เขาเหงา พ่อเขาจะบ่นตลอด น่าจะเกิดจากความเหงาที่อยู่คนเดียวพ่อเคยทำงานเป็นลูกจ้างประจำเขตคลองสาน พ่อมีโรคประจำตัวโรคความดัน ส่วนอาวุธปืนพ่อมีไว้ก่อนเกษียณ คุณแม่ที่เสียไปเป็นแม่เลี้ยงเสียไปประมาณปีสิบเดือนหลังจากแม่เสียชีวิตไปพ่อเขาก็อยู่คนเดียวสุขภาพก็ไม่ค่อยดีไม่รู้จะทำยังไง วันนี้ก็ได้โทรศัพท์คุยกับพ่อก่อนเที่ยงก็ไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไรคุยกันปกติไม่สั่งเสียอะไร พ่อบอกตอนเช้าได้ไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มาแล้วยังกลับเปลี่ยนหม้อแบตเตอรี่รถยนต์จนมีคนโทรแจ้งจึงรีบมาดูพ่อ
ด้านร.ต.อ.จักรพงศ์ นุชพัฒน์ รอง.สว.สอบสวน สภ.คูคต หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วจึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานและได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้งนำผู้เสียชีวิต ส่งนิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เพื่อตรวจสอบอีกครั้ง