ข่าวพาดหัวช่วยเหลือ

เพื่อนบ้านที่ช่วยน้องซี เล่าทั้งน้ำตา หลังน้องปลอดภัยและมีหน่วยงานมาช่วยเหลือ

เพื่อนบ้านที่ช่วยน้องซี เล่าทั้งน้ำตา หลังน้องปลอดภัยและมีหน่วยงานมาช่วยเหลือ

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 15 พ.ค. 2568 น.ส.อมรรัตน์ สัตบุษย์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวสมุทรปราการ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ชัชชัย ละมุล รอง สวป.สภ.สำโรงใต้ กองฝ่ายสวัสดีการสังคมเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย ได้เดินทางไปที่บ้านพักซึ่งเป็นบ้านเช่าชั้นเดียว เลขที่ 35/9 หมู่ที่ 10 ถนนปู่เจ้าสมิงพราย ซอยกรุงเทพฯผลิตเหล็ก ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ของนาย ดนัย ศุภเทศชัย อายุ 42 ปี( มีนนามสมมุติผัว) และ น.ส.พนิดา โพธิ์แก้ว อายุ 32 ปี (น.ส.เอ นามสมมุติเมีย) ที่เลี้ยง ด.ช.มกรา หรือน้องซี วิไลเพชร อายุ 5 เดือน ในการลงพื้นที่หน่วยงานเพื่อ ตรวจสอบความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อม ของทั้งสองผัวเมียและน้องซีก่อนหน้านี้


จากการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบว่าเป็นบ้านมีสภาพทรุดโทรม ภายในบ้านมีข้าวของกอง เป็นจำนวนมาก และยังพบ อุปกรณ์เสพ โดยทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการ สำรวจความเหมาะสมทางด้านสาธารณสุขแล้ว ดูแล้วไม่เหมาะสมในการที่จะเลี้ยงเด็กอ่อน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสมุทรปราการ จึงได้บันทึกภาพและเก็บข้อมูลไว้ เพื่อเข้ากระบวนการ และขั้นตอนในการตรวจสอบวิเคราะห์ทั้งที่ผ่านมา และอนาคตสำหรับ เด็ก จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ บ้านพักเด็กแล้วครอบครัวสมุทรปราการ จะเดินทางไปที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ เพื่อตรวจเยี่ยมน้องซี ทางด้านสุขภาพร่างกาย และทางด้าน สภาพจิตใจ ต่อจากนี้ไปขั้นตอนอยู่ระหว่างทางโรงพยาบาลสมุทรปราการกับบ้านพักเด็กและครอบครัวสมุทรปราการ จะทำการประเมินตรวจสอบและประสานงานต่อเนื่องในการคุ้มครองดูแล น้องซี และจะเชิญ น.ส. วรวัล สังใจ หรือ น.ส.สุทินา อิ่มโอษฐ แม่ของเด็ก เพื่อมาสอบถาม และประเมินความพร้อมว่า สามารถดูแลลูกได้หรือไม่ หากพบว่าไม่สามารถดูแลน้องซีได้ ทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจะรับตัวน้องซี ไปคุ้มครองดูแลก่อน หากทางแม่ของน้องซี พร้อมที่สามารถจะดูแลน้องซีก็ให้รับ กลับไปดูแล


ทางด้าน น.ส.พัชรี อยู่หุ่น อายุ 33 ปี (สาวเสื้อดำเพื่อนบ้าน)ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าตนเองมีความรู้สึกสงสารเด็ก เหมือนถูกใช้เป็นเครื่องมือ เวลาที่เขาทะเลาะหรือมีปัญหากัน จะเกี่ยงกันเลี้ยง โดยตนเองพอทราบคร่าวๆว่าน้องซีหรือเด็กที่นำมาเลี้ยงไม่ใช่ลูกของทั้งคู่ แต่เป็นลูกของเพื่อน เนื่องจากพ่อแม่ของเด็กถูกจับ ซึ่งทั้งคู่อยากมีลูกจึงนำเด็กมาเลี้ยง โดยทั้งคู่มีพฤติการณ์ ชอบออกบ้านอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ทราบว่าออกไปทำอะไร ทั้งยามวิกาลและเวลาปกติ ซึ่งทั้งคู่อยู่ที่นี่มานานแล้ว แต่มักจะทะเลาะกันตลอด ตนเองได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง คิดว่าอยากจะนำเด็กออกมาก่อน แต่ทั้งคู่ไม่ให้ แฟนหนุ่มอยากมีลูกปล่อยให้เขาดูแลเอง นอกจากนี้เด็กร้องเสียงดัง คิดว่าเด็กน่าจะตกใจ มีอาการสั่น แถมทั้งคู่มีการท้าทายตนเองให้แจ้งตำรวจด้วย ซึ่งตนเองไม่ได้มีการเปิดรับบริจาค แต่มีผู้หวังดีทักมาอยากจะขอบริจาคสิ่งของให้กับน้อง รวมถึงเสื้อผ้า ซึ่งเมื่อคืนน้องซีก็มีอาการหิวดูดนิ้ว คิดว่าน่าจะหิวนม หากมีคู่อยากจะบริจาคให้กับน้องตนเองก็จะรับ และจะให้น้องทั้งหมดเลย ไม่มีการเก็บไว้ หากมีผู้บริจาคเงินตนเองก็จะรับและไปซื้อสิ่งของให้กับน้อง ตนเองมีความรู้สึกดีใจที่ได้ช่วยน้องซี ออกมาจากจุดนั้น รู้สึกตื้นตันใจจนมีอาการร้องไห้ น้องมีความน่าเอ็นดู ถ้าตนเองมีปัญญาและมีเงินก็จะเอาเด็กมาเลี้ยงเอง เพราะเขาเลี้ยงง่าย อยู่เป็น ตนเองอยากจะขอบคุณหน่วยงานทุกหน่วยงานและทุกคนที่เข้าช่วยเหลือน้องได้อย่างรวดเร็ว หากมาช้ากว่านี้ ก็ไม่รู้ว่าน้องจะเป็นอย่างไรบ้าง และน้องมีอาการเกร็ง


น.ส.อมรรัตน์ สัตบุษย์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวสมุทรปราการได้เล่าว่าวันนี้เจ้าหน้าที่ได้มาดูความพร้อมของทั้งคู่ และพบว่าไม่มีความสามารถ รวมถึงความสะอาดที่จะดูแลน้องต่อไปได้ ซึ่งหากหน่วยงานของ พม. เข้ารับเลี้ยงเด็ก ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ซึ่งพ่อของน้องซียังรับโทษอยู่ และจากนี้จะต้องติดตามไปยังคุณแม่ ทั้งนี้จะขอดูแลสภาพจิตใจน้องก่อน ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งการนำเด็กมาเลี้ยงแบบนี้ตนเองจะต้องขอสอบและหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลว่าทั้งคู่ได้รับเลี้ยงหรือไม่ ซึ่งเคสนี้พ่อแม่เด็กเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมถึงผู้ที่รับเลี้ยงก็เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และมีอาการป่วยทางจิต ทั้งนี้ทางหน่วยงานจะต้องร่วมมือกันกับชุมชนและภาครัฐ ซึ่งหากเจอเคสแบบนี้ จะต้องแจ้งมายังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนเองขอขอบคุณที่ชาวบ้านไม่ได้นิ่งดูดายกับปัญหาของสังคมแบบนี้


******************
ศราวุธ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ