ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัว

ทนายชัชพาตัวแทนผู้เสียหายท้าวแชร์ บ้านรดา ยื่นหนังสือต่อ ผบช.ภ9 เพื่อเร่งรัดจับกุมท้าวแชร์รดา พร้อมกับพวก หลังโกงเงินแชร์ผู้เสียหาย ทั้งหมด 35 ล้านบาท

ทนายชัชพาตัวแทนผู้เสียหายท้าวแชร์ บ้านรดา ยื่นหนังสือต่อ ผบช.ภ9 เพื่อเร่งรัดจับกุมท้าวแชร์รดา พร้อมกับพวก หลังโกงเงินแชร์ผู้เสียหาย ทั้งหมด 35 ล้านบาท

วันที่ 21 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น.
จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากตัวแทนผู้เสียหายที่เป็นลูกแชร์จำนวน 163 คน ว่า ได้ถูกท้าวแชร์มีดีกรีระดับประกวดนางงามและชนะเวทีมาหลายเวที ได้มีการโกงเงินจากลูกแชร์ไปจำนวนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อขอเงินคืนจากท้าวแชร์คนดังกล่าวได้ จึงเป็นสาเหตุได้ร้องทุกข์สื่อเข้ามาเพื่อเป็นสื่อกลางในการติดตามตัวท้าวแชร์มารับผิดชอบ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ถนนนวลแก้ว ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งได้พบกับตัวแทนของผู้เสียหายพร้อมกับยื่นหลักฐานเอกสารต่างๆ อาทิ สลิปการโอนเงินเข้าบัญชีเครือญาติของท้าวแชร์ ภาพแชทคุยกับท้าวแชร์ที่มีการชักชวนนำเงินมาลงทุนวงแชร์และเอกสารภาพโปรไฟล์เฟซบุ๊คของท้าวแชร์และสามีของท้าวแชร์ เบื้องต้นทราบชื่อท้าวแชร์ ชื่อ นางสาวรดา กาญจนรัตน์ หรือ อิง อายุ 30 ปี

จากการตรวจสอบพบว่า นางสาวรดา กาญจนรัตน์ หรือ อิง ได้ผ่านเวทีมาหลายเวที อาทิ
(2018) มิสแกรนด์สงขลา รองชนะเลิศ อันดับ 1
(2019) มิสซูปร้าเนชั่นแนล สงขลาชนะเลิศ
(2019) Miss Supranational Thailand
รองชนะเลิศ และ ตำแหน่ง Miss Thailand Ambassadress of the World
จึงทำให้ผู้เสียหายทั้งหมดที่โดนโกงเงินไปหลงเชื่อร่วมลงทุนเงินในวงแชร์ตามคำชักชวนของนางสาวรดา กาญจนรัตน์ หรือ อิง

ล่าสุดที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ตำบลฉลุง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ว่าที่ร้อยตรีชัชวาลย์ บำรุงวง หรือ ทนายชัช ประธานกลุ่มทนายใจดี พร้อมด้วยตัวแทนผู้เสียหายจากคดีแชร์นางงาม“บ้านรดา” ในพื้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียงได้เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ9 ขอความอนุเคราะห์เร่งรัดติดตามจับกุมตัวท้าวแชร์บ้านรดา พร้อมพวกรวม 8 คน มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน การฟอกเงินเป็นหลักและข้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

เนื่องจากคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 ซึ่งมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้วในหลายพื้นที่เพื่อที่จะได้นำคดีดังกล่าวพิจารณาเป็นกรณีพิเศษและเร่งออกหมายจับผู้ร่วมกระบวนการมาดำเนินคดีโดยไว

โดยในวันนี้ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ9 ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.นิพล เหมสลาหมาด ผบก.กค.ภ.9 มารับมอบหนังสือจากตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย หลังรับหนังสื่อได้ให้คำมั่นสัญญาต่อกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมด ว่าจะกำชับให้พื้นที่ที่เกิดเหตุทุกที่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 อำนวยความสะดวกและเร่งรัดการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างรวดเร็ว โดยได้รับฟังข้อเท็จจริงจากผู้เสียหายแล้วกล่าวว่าคดีดังกล่าวไม่ได้มีความสลับซับซ้อนและง่ายต่อการดำเนินคดีจึงตามผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีให้ไปใช้สิทธิ์ในการแจ้งความดำเนินคดีในพื้นที่ที่ท่านสะดวกหรือใช้สิทธิ์ในการแจ้งความออนไลน์ก็ได้เช่นเดียวกัน ขอให้เชื่อมั่นว่าตำรวจภูธรภาค 9 จะให้ความยุติธรรมต่อผู้เสียหายอย่างแน่นอน

ทางด้าน ว่าที่ร้อยตรีชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ หรือ ทนายชัช กล่าวว่า ตอนนี้ทางกลุ่มทนายใจดีได้ทยอยสอบข้อเท็จจริงผู้เสียหายทั่วประเทศและได้นำผู้เสียหายในหลายพื้นที่อาทิในพื้นที่ส่วนกลางได้แก่กรุงเทพมหานครและจังหวัดสงขลา เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนทั้งแบบเดินทางไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนโดยตรง แบบแจ้งความออนไลน์มากขึ้น โดยปัจจุบันมีผู้ประสงค์ดำเนินคดีมากกว่า 130 ราย มูลค่าความเสียหายในส่วนที่กลุ่มทนายใจดีได้รับแจ้งมาคือ ประมาณ 35 ล้านบาท มีผู้เสียหายในหลายจังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา ยะลา สตูล พัทลุงสุราษฎร์ธานี ชุมพร กรุงเทพฯ นนทบุรี บุรีรัมย์และศรีสะเกษ เป็นต้น

ฝากไปถึงผู้เสียหายที่ยังไม่ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีให้ใช้สิทธิ์ของตัวเองตามกฎหมายและไม่ควรปล่อยให้ผู้กระทำความผิดลอยนวล หรือ เพิกเฉยในการใช้สิทธิ์ของตัวเอง ทั้งนี้คดีดังกล่าวเข้าข่ายเป็นกระบวนการฟอกเงินด้วย ซึ่งเป็นคดีที่บ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ทางกลุ่มทนายใจดีก็ยินดีที่จะช่วยเหลือตามหลักของกฎหมายต่อไปจนถึงกระบวนการชั้นศาลและคดีถึงที่สุดทั้งในฐานะทนายความกลุ่มอาสาและในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายต่อไป.


พี่เสือนักข่าวสงขลา