เมาทำกร่าง เบ่งไม่ดูท่า ท้าทาย ระบบ สุดท้ายวีซ่าขาด 1255 วัน ถึงกับหน้าซีดอีกคนพม่าอยู่เกิน510 วัน
เมาทำกร่าง เบ่งไม่ดูท่า ท้าทาย ระบบ สุดท้ายวีซ่าขาด 1255 วัน ถึงกับหน้าซีดอีกคนพม่าอยู่เกิน510 วัน
เมื่อ เวลา 12:30 น.วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงัน ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี กรณีชายต่างชาติไม่ทราบสัญชาติ (ขาพิการ) มีพฤติกรรมชอบไถเงินนักท่องเที่ยวด้วยกัน อ้างเอาไปรักษา ขา ที่พิการ บ่างคนถึงกับโดนกระชาก กระเป๋า ขอเงิน ดื่มเบียร์มีอาการเมาโวยวาย ข่มขู่นักท่องเที่ยว อยู่บริเวณริมถนน ต.บ้านใต้ อ.เกาะพะงัน ก่อความวุ่นวายในร้านอาหาร จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชา พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. ได้สั่งการให้บช.ทท. พ.ต.ท.วินิจ บุญชิต สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 ให้เข้าตรวจสอบ พร้อมจับกุม นายช็อค จาบัส โบทา (Mr.Schalk Jacobus Botha) อายุ 51 ปี สัญชาติ แอฟริกาใต้
ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (อยู่เกินกำหนด 1,255 วัน)”
จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามนายช็อค จาบัส โบทา การอนุญาตวีซ่าได้สิ้นสุดลงไปนานแล้ว โดยหนังสือเดินทางอยู่ที่เอเจนซี่ และไม่ได้จ่ายเงินสำหรับค่าดำเนินการต่อวีซ่า
จากการตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่า นายช็อคฯ มีพฤติกรรมในการอยู่เกินกำหนดในราชอาณาจักรถึง 10 ครั้ง และได้เดินทางไปชำระค่าปรับด้วยตนเอง แต่ในครั้งนี้ได้ให้การยอมรับว่า ได้ปล่อยให้วีซ่าหมดอายุมาตั้งแต่วันที่ 29/01/2022 จริง เนื่องจากตนไม่มีเงินในการต่ออายุวีซ่า และได้อยู่ในราชอาณาจักรไทยแบบผิดกฎหมายเรื่อยมา เป็นจำนวน 1,255 วัน
และ 1 เคส เวลา10:00 น.วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมออกตรวจตราพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณที่เกิดเหตุ ได้มีชายลักษณะเป็นชาวต่างด้าว และได้เดินถอดเสื้อ เดินตรงมายังอาคารอเนกประสงค์ เมื่อชายต่างด้าวคนดังกล่าวพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงท่าทีมีพิรุธ มีท่าทีที่จะหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม พร้อมสั่งให้ชายคนดังกล่าวหยุดและขอตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทาง
จากการตรวจสอบทราบข้อมูลว่าชื่อ นายซอ นี ทูน (Mr.Zaw Ni Tun) อายุ 30 ปี สัญชาติ เมียนมาร์ พูดภาษาไทยได้เล็กน้อย จึงได้เชิญตัวนายซอ นี ทูน มายังหน่วยบริการตำรวจท่องเที่ยวเกาะพะงันเพื่อตรวจเอกสารเพิ่มเติม ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สอบถามนายซอ นี ทูน ถึงแบบบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว (Name-list) นายซอ นี ทูนฯ ให้การยอมรับว่าตนไม่มีเอกสารดังกล่าว
เนื่องจากเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เกาะพะงัน เพียงไม่กี่ปี และไม่มีงานทำ จึงไม่มีเงินในการจัดทำเอกสารและทำการต่อวีซ่าให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้อยู่ในราชอาณาจักรไทยแบบผิดกฎหมายเรื่อยมา นาย ซอ นี ทูนฯ ให้การยอมรับว่าตนได้อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด 510 วัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แจ้งหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (อยู่เกินกำหนด 510 วัน)”
จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พี่เสือ นักข่าว สงขลา