ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัวร้องเรียน

ประจวบคีรีขันธ์ – แม่ค้าหมูร้องทนายดังสางคดีลูกชายถูกจับยาใส่กุญแจมือแต่ตำรวจหัวหินอ้างกระโดดรถหนีกลายเป็นคนพิการนาน 7 ปี

แม่ค้าหมูร้องทนายดังสางคดีลูกชายถูกจับยาใส่กุญแจมือแต่ตำรวจหัวหินอ้างกระโดดรถหนีกลายเป็นคนพิการนาน 7 ปี

วันที่ 18 กันยายน นางจารี ชิ้นพงค์ อายุ 60 ปี แม่ค้าขายหมู ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้นำเอกสารหลักฐานร้องเรียนกับทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ หลังจากเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2558 นายแดนไท ชิ้นพงค์ หรือโจ บุตรชาย ปัจจุบันอายุ 41 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน ชุดเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำบุตรชายเดินทางมาที่บ้านพักเลขที่ 9/76 ถนนคันคลองชลประทาน เขตเทศบาลเมืองหัวหิน ช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม แจ้งว่าบุตรชายถูกจับคดียาเสพติด จะขอค้นภายในบ้านพัก

“บอกกับตำรวจว่าหากลูกชายมีความผิดก็จับไปโรงพัก ไม่ต้องเอาตัวมาบ้านอย่าเอาไปซ้อม และได้อนุญาตให้ตำรวจเข้ามาค้นทั้งที่ไม่มีหมายจับ หลังจากนั้นกลับออกไป เห็นลูกชายถูกใส่กุญแจมือนั่งเบาะหลังในรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน มีตำรวจ 2 คนนั่งคุม จากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมง ตำรวจโทรศัพท์บอกว่าลูกชายกระโดดรถหนีได้รับบาดเจ็บ ต้องนำส่งโรงพยาบาลหัวหิน จึงเดินทางไปโรงพยาบาล พบว่าแพทย์ต้องผ่าตัดเนื่องจากสมองบวม ส่วนตัวข้องใจว่าลูกชายจะกระโดดหนีได้อย่างไร เพราะถูกใส่กุญแจมือ มีตำรวจนั่งคุม จากนั้นไปร้องเรียนหน่วยงานต่างๆทั้งมณฑลทหารบกที่ 15 ที่ จ.เพชรบุรี สำนักตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการ ปปท. ศูนย์ดำรงธรรม แต่เรื่องเงียบไม่มีความคืบหน้า ขณะที่ดูแลลูกชายถึงปัจจุบัน ล่าสุดเดินทางเข้าร้องเรียนกับทนายเดชา”นางจารี กล่าว

นางจารี กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลังลูกชายผ่าตัดก็มีสภาพเป็นคนพิการ ครอบครัวต้องช่วยกันดูแล 24 ชั่วโมง ทั้งป้อนอาหาร ช่วยพยุงเพื่อทำกายภาพบำบัด พบแพทย์ทุกเดือน แต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายราว 5 -7 หมื่นบา ทั้งค่ายา ค่าจ้างคนดูแล ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เคยช่วยเหลือเยียวยา ขณะที่รถกระบะของบุตรชาย ทรัพย์สินบางส่วน เจ้าหน้าที่ได้นำมาคืนให้ แต่ไม่เคยเห็นเอกสารหลักฐาน โดยเฉพาะบันทึกจับกุม จำนวนยาเสพติด ตนยอมรับว่าบุตรชายอาจเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อาจมีการเสพจริง หากถูกจับกุมขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย

“ที่ผ่านมาตำรวจชุดจับกุมส่งคนมาเคลียร์ 2 ครั้ง ก็บอกว่าให้ช่วยเหลือเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้กับหลาน 3 คน แต่ก็เงียบหายไป สาเหตุที่ต้องออกมาทวงถามความยุติธรรมเพราะส่วนตัวอายุมากขึ้นทุกวัน หากเป็นอะไรไปใครจะมาดูแลลูกชายและหลาน ก็ได้แต่หวังว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะตรวจสอบข้อเท็จจริงและเยียวยาความเสียหาย”นางจารี กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ไพฑูล พรมเขียน ผกก.สภ.หัวหิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาเดินทางมารับตำแหน่งเมื่อปี 2562 ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน ค้นหาเอกสารหลักฐานในปี 2558 ในวันที่มีการจับกุมผู้ต้องหาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง

////////////
พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์โทร 099 339 6444