COVID-19ข่าวทั่วไปข่าวพาดหัวจับกุมลักลอบเข้าประเทศ

กาญจนบุรี – ถึงจะลุยน้ำลุยโคลนลุยป่า ก็ต้องจับ จับให้หมด

กาญจนบุรี ถึงจะลุยน้ำลุยโคลนลุยป่า ก็ต้องจับ จับให้หมด
ตามที่พลตรี บรรยง ทองน่วม ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ และนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กองกำลังสุรสีห์ ร่วมจับมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง คอยเฝ้าระวังตามแนวชายแดนไทย – เมียนมา ในจังหวัดกาญจนบุรี มิให้แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอานาจักรไทย พร้อมทั้งสิ่งของผิดกฎหมายทุกชนิด


ต่อมา ร้อยเอกรัตนชัย ขอสืบ รองผู้บังคับหน่วยควบคุมส่วนลาดตระเวน หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ และร้อยโทฉัตรฑริก ตันเจริญ ผู้บังคับหมวดลาดตระเวนที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ได้รับแจ้งจากชุดปฏิบัติการข่าวกองกำลังสุรสีห์ ว่าได้พบรถยนต์กระบะต้องสงสัย ยีห้ออีซูซุ ตอนเดียว สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ณต.9215 กรุงเทพฯ. บรรทุกแรงงานต่างด้าว มาเต็มคันผู้ขับขี่ขับรถออกมาจากชายป่าหุบตาบุญ บ้านประตูด่าน หมู่ที่ 14 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี จึงได้แจ้งให้นายพนมกร คล้ายเมือง ผู้ใหญ่บ้านหนองบ้านเก่าหมู่ 7 ตำบลบ้านเก่า พร้อมเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน( อส.) อำเภอเมืองเข้า ร่วม 15 นายได้เข้านำการตรวจสอบ พบรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้ทำการ

ทำการสกัดและตรวจสอบ พร้อมทั้งควบคุมตัวผู้ขับขี่ ทราบชื่อต่อมา นางวิลัย ท่าฉลาด อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/2 บ้านเขากระอาง หมู่ 7 ตำบลเขาสามสิบหาบ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี จากการสอบถามนางวิลัยได้กล่าวว่าตนได้รับบุคคลที่นั่งอยู่ในรถทั้งหมดจำนวน 21 คน เป็นชาย 6 คน เป็นหญิง 15 คน พบว่าบุคคลต่างด้าวทั้งหมดเดินทางมาจากสหภาพเมียนมา จะไปทำงานที่จังหวัดสมุทรสาคร แต่มาถูกจับเสียก่อน


จากการสอบถาม นางวิลัย ท่าฉลาด คนขับรถ บอกว่าตนได้รับการติดต่อจากนางอารยา มาลา หรือ เล็ก ว่านายเจนณรงค์ หรือ บูม ชุมรักษา ได้ว่าจ้างให้ขนย้ายแรงงานต่างด้าวจากบริเวณชายป่า ไปส่งที่นัดหมาย โดยนางวิลัย ได้ติดต่อกับนายศรุต ดาวแสง หรือ ตูน ทำหน้าที่เป็นคนนำทางให้นางวิลัยนำส่งที่จุดนัดหมายในราคาคนละ 500 บาท และท่าถึงจังหวัดสมุทรสาคร ต้องเสียค่าหัวให้นายหน้าคนละ 18,000 ถึง 20,000 บาท


ซึ่งก่อนการเข้าจับกุมในครั้งนี้ เวลา 10.00 น.ชุดปฏิบัติการข่าวกองกำลังสุรสีห์ ได้รับแจ้งว่ามีผู้หลบหนีเข้าเมืองมาทางพื้นที่ดังกล่าว จึงแจ้งให้ ส่วนลาดตระเวน หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ และร้อยโทฉัตรฑริก ตันเจริญ ผู้บังคับหมวดลาดตระเวนที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พร้อมผู้ใหญ่บ้าน เข้าไปตรวจสอบ พบว่ามีต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองอยู่บริเวณชายป่าดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงได้เฝ้าสังเกตการณ์และรอผู้นำพาจะมารับต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จนกระทั่งเวลา 16.00 น. ได้มีรถยนต์กระบะตอนเดียว สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ณต.9215 กรุงเทพฯ. วิ่งเข้ามารับต่างด้าวทั้งหมด เมื่อต่างด้าวทั้งหมดขึ้นรถแล้ว เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวและเข้าจับกุมต่างด้าวพร้อมผู้นำพาฯ. ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจหารเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด 19 )ตลอดทั้งตรวจ(ATK) เบื้องต้นไม่พบเชื้อไวรัส โคโรน่า 2019


จากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้นำข้าวกล่องพร้อมน้ำแจกให้ผู้หลบหนีเข้าเมืองทั้งหมดได้กิน เนื่องจากทั้งหมดไม่ได้กินอาหารมาตั้งแต่เช้า
ต่ามาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงนำผู้หลบหนีเข้าเมืองมาส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ที่จุดตรวจห้วยน้ำขาว (เขาหนีบ) ต่อมา พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผู้กำกับสถานตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ได้เดินทางมารับตัวผู้หลบหนีเข้าเมือง เพื่อไปดำเนินคดีที่สถานตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ในขณะที่ต่อมา พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผู้กำกับสถานตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีมารับตัวผู้ต้องหานั้น “ได้มีหญิงสาวซึ่งเป็นลูกสาวของนางวิลัยได้ร้องไห้เข้ามาหานางวิลัย และพูดว่า แม่ทำไม แม่ทำไมไม่บอกหนูแม่ไปรู้จักพวกนี้ได้อย่างไรแม่จะทำ ทำไมไม่บอกหนู” จากนั้น พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ได้ผู้หลบหนีเข้าเมือง 21 คน ในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนาง นางวิลัย ท่าฉลาด ดำเนินคดีในข้อหา ช่วยเหลือ หรือให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกแก่บุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย


เป็นที่น่าสังเกตว่า ในระยะนี้ตั้งแต่เดือน สิงหาคม ถึง เดือนตุลาคม ได้มีผู้หลบหนีเข้าเมืองทางด้านจังหวัดกาญจนบุรีเป็นจำนวนมาก และการนำต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองน่าจะทำกันเป็นกระบวนการ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลให้ถึงผู้บงการและผู้ว่าจ้างรายใหญ่ต่อไป
ซึ่งช่องทางที่ผู้หลบหนีเข้าเมืองเป็นช่องทางธรรมชาติ ที่มีอยู่กว่าร้อยแห่งในเขตแดนไทย เมียนมา ที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และอส. ต้องปฎิบัติหน้าที่เฝ้าตรวจและจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมือง ทุกวัน แม้ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง ก็ต้องทนคอยเฝ้าเพื่อจับแรงงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง เพื่อป้องกันโรคติดต่อ ไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด 19)
เกสร เสมจันทร์ กาญจนบุรี