ข่าวพาดหัวทุกข์ชาวบ้านอุทกภัย

พิษพายุซินลากูส่งผลให้ปลาทับทิมตายในกระซังน็อคน้ำตายค่าเสียหายฟาร์มเดียวกว่า 3 ล้านบาท

พิษพายุซินลากูส่งผลให้ปลาทับทิมตายในกระซังน็อคน้ำตายค่าเสียหายฟาร์มเดียวกว่า 3 ล้านบาท

ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำน่าน ม.3 ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ นายสิรภพ คุณสิริประภารัตน์ เจ้าของกระชังปลาสิรภพฟาร์ม พร้อมคนงานต่างเร่งมือตักปลานิลแดง (ปลาทับทิม) ขนาดต่างๆ ที่ตายลอยเกลื่อนกระชัง หลังปลานิลแดงที่เลี้ยงไว้ จำนวน 180 กระชัง ได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุซินลากู ส่งผลให้แม่น้ำน่านมีระดับสูง ไหลเชี่ยว และมีสีแดงขุ่น ปลาปรับตัวไม่ทัน ไม่มีอากาศหายใจ เกิดอาการน็อกและลอยตายเกลื่อนกระชัง เฉพาะวันนี้สำรวจแล้วจำนวนมากถึง 10 ตัน จำเป็นต้องประกาศขายในราคาถูก กิโลกรัมละ 5 บาท สำหรับปลาขนาดเล็ก โดยขายแบบไม่มีกำไร หรือเจ๊งไปเลย

นายสิรภพ กล่าวว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องทางตอนเหนือ ทำให้แม่น้ำสาขาต่างๆ เป็นสีแดงขุ่น และเต็มไปด้วยดินโคลน ไหลลงสู่แม่น้ำน่าน ออกซิเจนในน้ำน้อย ปลานิลแดงที่เลี้ยงไว้กว่า 120,000 ตัวหรือ 180 กระชัง เกิดอาการน็อกและตายในที่สุด เฉพาะวันนี้สำรวจแล้วเสียหายมากถึง 10 ตันหรือ 1 หมื่นกิโลกรัม หากเป็นปลาที่ไม่ได้ขนาด ประกาศขายถูกๆ กิโลกรัมละ 5 บาท ให้ชาวบ้านนำไปทำปลาแดดเดียว หรือปลาร้า แม้จะประกาศขายถูกยังแทบหาคนซื้อไม่ได้ เพราะทุกกระชังก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

นับเป็นการลดการสูญเสีย และยอมที่จะขาดทุนหรือเจ๊ง เนื่องจากช่วงการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ปลากว่า 100 ตันระบายไม่ได้ ยังซ้ำด้วยอิทธิพลพายุซินลากูอีกครั้ง มูลค่าความเสียหายรวมแล้วประมาณ 3 ล้านบาท จึงตัดสินใจเร่งตักปลาไม่ได้ขนาดส่งขายให้พ่อค้าแม่ค้า นำไปตะเวนขายตามตลาดนัด จากปกติขายส่งกิโลกรัมละ 75 บาท ลดราคาขายเพียงกิโลกรัมละ 40 บาท เพื่อเป็นการระบายปริมาณปลาในกระชังให้ลดน้อยลง

ปวินท์ อินกล่ำ รายงาน