พาดหัวข่าวร้องเรียน/ร้องทุกข์

ทนายเกรียงศักดิ์ พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความหลัง ถูกหลอกช่วยวิ่งเต้นคดีน้องชายสูญเงินกว่าสิบล้านบาท

ทนายเกรียงศักดิ์ พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความหลัง ถูกหลอกช่วยวิ่งเต้นคดีน้องชายสูญเงินกว่าสิบล้านบาท

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 ที่ สภ.บางแก้ว ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ได้เดินทางพา นางมัณฐ์ธิรา ปัญธิวัฐห์ อายุ 43 ปี (ผู้เสียหาย) เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิดกับ นาย ต. กับพวก หลังผู้หาย ถูก นาย ต. กับพวก หลอกลวงว่าเป็นผู้พิพากษามีตำแหน่งสูงกว่าผู้พิพากษาทั่วไป เพราะรู้จักรองประธานศาลฎีกาและวิ่งศาลได้ และจะช่วยน้องชายของผู้เสียหาย ซึ่งต้องโทษคดียาเสพติด ผู้เสียหายได้หลงเชื่อ ได้เงินไปจากผู้เสียกว่า สิบล้านบาท แต่ก็ช่วยน้องชายไม่ได้ และจากการตรวจสอบประวัติจึงทราบว่า นาย ต. กับพวก เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา ฉ้อโกงหลายคดี เช่น คดีวิ่งเข้าโรงเรียนนายร้อยที่เคยเป็นข่าวเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่งโดยมาร้องอยากให้ตำรวจกองปราบปรามขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการว่ามีจำนวนกี่คนและมีผู้ใดเกี่ยวข้องและมีนักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกี่คนและใครบ้าง เพื่อติดตามเอาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและเพื่อไม่ให้มีผู้อื่นได้รับความเสียหายในลักษณะเดียวกันอีก


นางมัณฐ์ธิรา ปัญธิวัฐห์ อายุ 43 ปี (ผู้เสียหาย) เล่าว่า คนในเรือนจำ เขาบอกน้องชายตนว่าทาง แม่เขารู้จักผู้หลับผู้ใหญ่เยอะ ตนก็เลยติดต่อไป คุยถึงคดีของน้องชาย เขาก็แนะนำ คนชื่อ นาย ต. มาให้ พอตนติดต่อเขาไป เขาก็บอกว่าคดีของน้องตนเขาได้ดูเรียบร้อยแล้ว เขาก็บอกกับตนมาว่าถ้าเขาทำได้ก็จะเหลือ 7 ปี เพราะคดีของน้องชายตนติดจริง 14 ปี 18 เดือน เขาก็บอกับตนว่าค่าทำคดีนี้ 1.5 ล้านบาท เขาก็จะขอก้อนแรกก่อน เป็นจำนวนเงิน 8 แสน เขาบอกว่าเพื่อจะเอาไปคุยกับผู้ใหญ่ในวันศุกร์ ที่น้องชายตนให้ติดต่อคนนี้ เพราะเขามั่นใจว่า คนนี้เขาเคยคุยไว้ว่าทำคดีมาหลายคดีแล้วแล้วชนะ ตนก็ไม่รู้ตนก็ไม่ได้เช็ค พอเสร็จคิดว่ามั่นใจก็เลยคุยกัน หลังจากนั้นพอเขาเรียกเงินตนก็เลยเอาเงินไปให้เขา เพราะเขามาจากเชียงใหม่ และช่วงนั้นเป็นตอนเย็นตนก็เลยบอกเขาไปว่าหาเงินไม่ทันหลอก เขาก็บอกตนว่าเขาจะดูสปิริตเรา ว่าเราหาเงินได้ทันเขาไหม เขาจะได้รู้ว่าเรามีความตั้งใจในการที่จะช่วยน้องขนาดไหน พอตนมาเจอเขาก็ให้ไปตอนกลางคืน แล้วตนก็เตรียมหา หลังจากนั้นก็คุยถึงเรื่องคดีความกัน แล้วพอเสร็จหลังจากนั้นเขาก็บอกว่าเดี๋ยวจบคดีของน้องชายก่อน ก็คือตอนที่น้องถูกปล่อยตัว ค่อยมาจากอีก 7 แสนที่เหลือ ตนก็เลยเชื่อเขาไปในตอนนั้น หลังจากนั้น เขาก็อ้างมาอีกว่า คณะที่ทำคดีของน้อง มี 3 คนเขาจะขอก่อน คนละ 1 แสน ตนก็เอะใจไหนว่าจบคดีน้องให้ออกมาปล่อยตัวก่อนแล้วถึงจะจ่าย เขาขอมาก็เลยหามาให้เขา เพราะหวังว่าเขาจะช่วยน้องได้จริง ๆ เขาก็ขอก่อนเพราะว่าผู้พิพากษ์ท่านต้องการก่อนคนละแสน ก็เลยให้ไปอีก ก็คือ 3 แสน หลังจากนั้นต่อมาอีกไม่นาน เขาก็มาขออีก 1 แสน อ้างว่าผู้พิพากษ์จะเกษียณ แล้วก็เหลืออีก 3 แสนที่เรื่องคดีของน้องชายที่ยังไม่จบ เขาก็มาจะขอเพิ่ม แต่ตนบอกว่าไม่มีแล้วเหลือแต่ที่เอาไว้วิ่งคดีของน้องชาย เขาก็บอกขอก่อน ตอนแรกตนก็ไม่อยากจะให้ไป แต่ก็คิดว่าสมมุติถ้าไม่ให้ไปเขาจะแบบช่วยน้องชายเราต่อไหม ตนก็เลยให้เขาไป จนครบ 1.5 ล้านบาท หลังจากนั้นมันมีคดีอื่นอีก คือ โดนคดีแพ่ง ตนเคยถามเขาว่าอยู่ส่วนไหนของศาล เขาก็บอกว่าอยู่ในคณะตุลาการ มีพ่อเป็นถึงศาลฎีกา และมีภรรยาเป็นผู้พิพากษาอยู่ศาลเชียงใหม่ เขาก็บอกชื่อมา ตนจึงนำชื่อไปเช็ค ก็มีชื่ออยู่จริง ก็เลยเชื่อมั่นว่าเขาน่าจะช่วยได้ ในระหว่างที่ตนคุยอยู่กับเขา โทรศัพท์เขาก็มีสายเข้าเรื่อย ๆ บางทีเขาก็จะเปิดลำโพง บางทีเขาก็จะให้ตนดูมือถือข้างหน้าว่าใครโทรมา ตนก็เห็นว่ามีคนชื่อว่า อยู่ในคณะอธิบดีศาลอาญา เขาก็เปิดลำโพงคุยกับผู้ใหญ่ ตนก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ส่วนมากสายที่โทรเข้ามาหาเขา จะเป็นประมาณผู้ใหญ่ที่เกี่ยวกับศาล มันทำให้เราหลงเชื่อว่าเขาสามารถที่จะวิ่งเต้นช่วยเหลือเราได้จริง ๆ พออุทรตก เขาก็เลยเสนอตัวมาดำเนินการยื่นฎีกาต่อให้เลย พอฎีกาเสร็จ เขาบอกว่าเดี๋ยวประมาณ 2-3 เดือนได้ออกแล้ว ตนก็เลยมั่นใจ เพราะระยะเวลาไม่นานเท่าไรจากที่เขาบอกไว้ ตนก็เลยเชื่อเขาอีก ทุกวันนี้พอถึงวันนัดตั้งแต่ต้นเดือนเมษา เขานัดตนมา ก็อ้างว่าคนที่อ่านให้เราเขาเป็นแพนิคไม่สามารถที่จะอ่านของน้องชายได้ หลังจากภายในเดือนเมษา เขาก็บอกว่าจะนัดอ่านอีกแล้วเขาก็เลื่อน บอกว่าผู้พิพากษาพี่ชายท่านที่จะเปิดอ่านเขาเสียชีวิต แล้วเขาก็นัดตนไปที่ศาลอาญา วันนั้นตนก็นั้งรอกับแม่และน้องทั้งวันเลย เขาบอกว่าจะมีเจ้าหน้าที่เรียกไปที่เรือนจำเรียกให้น้องมา เขาก็อ้างว่ามาไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก และมีจดหมายลับอ้างว่าเป็นอธิบดีศาลอาญา ส่งมาหาตน ให้ตนได้แค่อ่านให้ไม่ได้ โดยมีข้อความประมาณว่าขอเลื่อน คนที่นำมาให้แต่งกายเหมือนเจ้าหน้าที่ของศาล ซึ่งวันนั้นตนได้ให้ตัวแทนไป เขาก็ได้แอบถ่ายส่งมาให้
ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ กล่าวเสริมอีกว่า ทาง นาย ต. ได้พูดกับผู้เสียหายว่า จะให้ท่านดึงเรื่องให้และจะให้พวกศาลปัดตกให้ แล้วผู้เสียหายก็เชื่อ ก็จ่ายเงินไปอีก 5.3 ล้านบาท พอเสร็จปุบ แล้วคดีแพ่งไม่ต้องยื่นคำให้การ แล้วเขาก็บอกให้ถอนทนายเดิม ก็คือกลุ่มทางทนายของชุดผม โดยบอกกับทางผู้เสียหายว่า ทางกลุ่มผมรู้กับฝ่ายตรงข้ามให้ถอนทนายเลย


ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ กล่าวอีกว่า ก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แล้วตนก็จะแต่งตั้งเป็นโจทย์ร่วม กับอัยการ จะดำเนินคดีกับคนกลุ่มนี้ให้หมดเลย แม้กระทั่งทนายความก็จะไม่เว้น เพราะถือว่าร่วมมือกับเขาทำผิดกฎหมาย ผู้เสียหายรายนี้สูญเสียเงินไปเกือบสิบล้าน วันนี้เราก็จะมาแจ้งความดำเนินคดีในท้องที่นี้ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 ท้องที่ ส่วนอีก 2 ที่ คือ ท้องที่ สน.บางนา และอีกที่ก็คือตรงข้ามศาลอาญารัชดา เราก็ขอให้พี่น้องสื่อมวลชน ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนอย่าได้หลงเชื่อคนกลุ่มนี้ ถ้าใครโดนกลุ่มนี้หลอกให้แจ้งมาหาผมจะช่วยดำเนินการให้ อย่าไปกลัวอย่าไปอาย เราก็ต้องมาต่อสู้เพื่อตัวเราเอง ถ้าเราอายเรากลัวคนกลุ่มนี้ก็ได้ประกันตัวออกมา คราวที่แล้ว เขาก็หลอกลวงไปรับวิ่งเต้นนายร้อย หลอกลวงต่าง ๆ แล้วเขาก็แต่งตัวนายพัน เขาก็ยังประกันตัวออกมาได้ แล้วเขาก็มาหลอกลวงคนอื่นต่อ ผมว่าอย่าให้เป็นเยี่ยงอย่าง จับขบวนการ อยากจะขยายผล แล้วก็เช็คเส้นทางการเงินของเขา เพื่อดูว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง อยากให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะอย่างรายนี้ก็เสียหายเยอะผมก็ต้องมานั่งแก้งานแก้อะไรมา ถือว่าเป็นภัยสังคมอย่างยิ่ง คนที่เคยโดนกลุ่มนี้หลอกอย่าไปกลัวอย่าไปอายเข้ามาติดต่อผมได้เลยยินดีที่จะช่วย อย่างทางผู้เสียหายรายนี้เขาก็กลัวระแวง เพื่อให้เป็นอุทาหรโดน ผู้เสียหายเขาโดนหลอกเพราะต้องการที่จะช่วยน้องชาย ด้วยความนึกคิดเขาก็โดนหลอกสารพัดโดนจนเขาหลงเชื่อ เขาก็กลัวผมโกรธที่ถอนกลุ่มชุดผมออกจากทนาย เขาก็ถามลูกน้องผมมา ผมยืนยันว่าไม่ได้โกรธ ผมก็เข้าใจ ผมก็ยินดีที่จะช่วยเหลือเขา


*******************************
ศราวุธ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ