ข่าวพาดหัว

คุมตัวฝากขังเจ้าของเต้นท์หัวร้อนชักปืนจ่อและตบอดีตลูกน้อง

คุมตัวฝากขังเจ้าของเต้นท์หัวร้อนชักปืนจ่อและตบอดีตลูกน้อง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 พฤษภาคม 2568 ตำรวจ สภ.บางพลี คุมตัว นายเชาวน์ชนะ(หรือนะ) อธิวัฒน์ธนกฤติ อายุ 27 ปี เจ้าของเต้นท์รถมือสองย่านบางพลี ออกมาจากห้องขังขึ้นรถคุมตัวผู้ต้องหาเพื่อนำตัวฝากขังผลัดแรกศาลจังหวัดสมุทรปราการ โดยพนักงานสอบสวนเตรียมยื่นขอศาลคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นการก่อเหตุอุอาจและไม่เกรงกลัวกฎหมายแถมมีการข่มขู่ผู้เสียหาย
โดยตำรวจแจ้งข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร แบะทำร้ายร่างกาย ส่วนข้อหาพยายามฆ่าอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะที่จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาของทางตำรวจ พบว่า ก่อเหตุ ลักทรัพย์ ปี 66 พื้นที่ สน.โคกคราม และ ก่อเหตุ ลักทรัพย์ ปี67 ในพื้นที่ สน.ราษฎร์บูรณะ
นาย เชาวน์ชนะ หรือ นายนะ บอกกับนักข่าวเราในขณะที่ ถูกคุมตัวขึ้นรถผู้ต้องหา โดยบอกว่า วันนั้นตนเข้าไป มีปัญหากันเรื่องซื้อขายรถกันแล้วมีปัญหากันไม่เข้าใจกัน ผมก็เลยเข้าไปเคลียร์ ผมเข้าไปคนเดียว เขามากันสามคัน ซึ่งวันนั้นผมมีปืนไปด้วยเอาไว้ป้องกันตัว แต่ว่าไม่ได้ชักไม่ได้อะไรขึ้นไว้ ปืนซื้อมามีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหมด แต่ยังไม่ได้โอนเป็นชื่อแฟน ก็คือเป็นปืนผิดมือ ผมก็รู้สึกสำนึกผิด อะไรที่ผมทำผมรับผิดชอบ รับแต่ในสิ่งที่ผมทำ แต่ถ้าผมไม่ได้ทำผมก็ปฏิเสธหมด แต่ถ้าถามผมกลับไปแก้ไหมผมไม่แก้ เดี๋ยวจะแจ้งความเขากลับเพราะว่าเขาลักทรัพย์ผม


ต่อมา ทีมข่าวเรา ได้เดินทางไปพบกับ คุณเบิร์ด คู่กรณีที่ปรากฏในคลิป เจ้าตัวบอกกับเราว่า วันนั้นก่อนเกิดเหตุ ผมขายรถให้เขาหนึ่งคัน เป็นรถ รีโว่ แล้วทีนี้รถมันมีปัญหาเปลี่ยนเกียร์มา ผมไม่ได้แจ้งเขา อันนี้ก็ไม่รู้หลอก เพราะเขาไปดูรถเองแล้วก็จ่ายตังเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนผมเป็นเหมือนคล้าย ๆ นายหน้า ที่ส่งรถไปขายให้เขา แล้วก็ให้เขาไปดูรถเอง พอเขาขับไปถึงอู่แล้วเขาก็บอกว่ารถมันมีปัญหา ผมก็เลยบอกเขาไปว่าถ้ารถมันมีปัญหาผมรับผิดชอบได้คือผมซื้อคืนได้ แต่ผมลดให้ไม่ได้ เพราะว่าราคามันคุยจบกับเจ้าของรถไปแล้ว มันไม่เกี่ยวกันแล้ว ผมก็เลยขอซื้อคืน แต่ว่าหักเปอร์เซ็นต์ตามมาตรฐานประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วเขาก็โวยวายใส่ผมทั้งที่ผมก็ทำถูกแล้ว แต่เขาไม่พอใจก็ให้ของลับ เขาก็ท้าผม ผมก็เลยบอกเขาว่าจะมาก็มาหรือจะให้ผมไปก็ได้ ผมก็ส่งโลเคชันให้เขา เขาก็เลยมา พอลงมา ตอนแรกผมไปคันเดียว แต่ให้ลูกน้องตามไปทีหลัง แต่พวกผมไม่มีอะไร ตอนนั้นผมให้ลูกน้องอยู่ในรถ ผมลงไปแค่คนเดียว พอเขาโชว์ปืน ผมก็ให้ลูกน้องอีกคัน เข้าไปปิดท้ายไว้เผื่อมีปัญหาอะไร จะได้ช่วยผมได้ คือพอเขาโชว์ปืนผมก็โทรให้ลูกน้องมาปิดท้าย เผื่อเกิดอะไรขึ้น ตนเห็นเป็นปืนขนาดเล็ก ไม่มั่นใจว่าขนาดเก้าหรือเปล่า เหน็บอยู่ที่เอว ผมก็ท้าเขาถ้างั้นก็ขึ้นลำเลยถ้ามีปัญหาอะไร ลูกน้องผมก็รออยู่แล้ว แต่พวกผมก็ไม่ได้มีอะไร แต่จังหวะที่มีโต้เถียงท้าทายกันอยู่ ตอนนั้นผมคิดว่าผมใส่กางเกงในไปก็เลยถอดกางเกงให้เขาดูว่าผมไม่มีอะไร คือไม่อยากให้เขายิงเรามาคุย คือเหมือนเขาสติหลุดไปแล้ว เขาอยู่ในถ้าเตรียมพร้อมคว้าปืนอยู่แล้ว ผมเลยท้าให้เขาขึ้นลำ พอเขาทำท่าจับปืนเหมือนจะขึ้นลำ ตนก็ถอดกางเกงลงเลยให้เขาดูว่าผมไม่มีอะไรแต่ผมลืมใส่กางเกงในไป ตนก็จำไม่ได้ว่าเขาขึ้นลำแล้วหรือยัง เพราะจังหวะนั้นทางโน้นร้อน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ช่วงเวลาประมาณสองทุ่ม คือหลังจากที่น้องผมโดนทำร้าย หลังจากนั้นเขาก็ยอมผม ก็ได้ขอโทษผมแล้ว ผมก็คิดว่าจบ ผมก็เลยกลับไปทำงานของผมต่อ ทีนี้มารู้อีกทีนึงคือ วันที่พวกผมโดนปืนตบ คือ พวกตนบอกเขาโดนแทนแล้วนะ ผมก็งง ไหนว่าจบกันไปแล้วไง งั้นถ้ามีปัญหาต่อ ผมก็ไม่จบ ถ้าเกิดว่าจะมีการมาทำร้ายร่างกายกันอีก ผมก็ไม่ได้สนิทกับเขา จริง ๆ คันนี้ผมไม่ได้จะขายให้เขา แต่ผมส่งให้เพื่อนอีกคนนึง แต่เพื่อนอีกคนนึงบอกว่า เดี๋ยวมีคนมาดู แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นเขามาซื้อ แล้วทีนี้มันไม่ทันแล้ว ก็เลยจำใจต้องขายให้เขาไป ปกติเขาน่าจะเป็นคนหัวร้อน ดูจากพฤติกรรมที่ผมสัมผัสแค่วันเดียวผมรู้เลย คือครั้งเป็นครั้งที่สองที่ผมซื้อขายด้วย ครั้งแรกผมจำไม่ได้ว่าเคยซื้อขายอะไรกับเขา แต่ทีนี้ผมรู้แล้วผมก็จะไม่คบแล้ว คือไม่ติดต่อไม่อะไรกันแล้ว ผมไม่คิดว่าเขาจะมาซื้อกับผมอีกรอบนึงไง


*********************************
ศราวุธ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ