จับกุมชิงทรัพย์พาดหัวข่าว

คุมตัว ไอ้ยง หนุ่มกัมพูชา ทำแผนชิงทรัพย์ร้านทอง

คุมตัว ไอ้ยง หนุ่มกัมพูชา ทำแผนชิงทรัพย์ร้านทอง

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 19 ตุลาคม 2568 หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.บางเสาธง ได้เดินทางไปรับตัว นาย ยง อุด อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา ผู้ต้องหาตามหมายจับ ของ ศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 928/2568 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2568 โดยกล่าวหาว่า “ชิงทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” กลับมาถึง สภ.บางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ แล้วก็ได้คุมตัว มาทำแผนการก่อเหตุยังร้านค้าทองภายในห้างสรรพสินค้า ที่อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ โดยมี พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ / พ.ต.อ.ประภาส มั่งคั่ง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ / พ.ต.อ.หกฤษฎ์ เอกอูรุ รองผู้บังคับการตม 3 / พ.ต.อ.สุเมษ เจนวงศ์พิทักษ์ ผกก.ตม.สมุทรปราการ / พ.ต.อ.โสภณ มงคลโสภณรัตน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางเสาธง / พ.ต.ท.ชนสิทธิ์ เด็ดดวง รองผู้กำกับการสืบสวนสถานีตำรวจภูธรบางเสาธง / พ.ต.ท.วันเฉลิม ใสสะอาด สารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจภูธรบางเสาธง พร้อมฝ่ายสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมกว่า 50 นาย ตั้งแถวรอรับและคุ้มกันตัวผู้ต้องหารายนี้ เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ

โดยใช้เวลาไม่นานในการทำแผน ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ได้เปิดหน้ากากหมวกกันน็อกที่ผู้ต้องหาสวมใส่ เพื่อยืนยันตัวตนต่อหน้าสื่อและสังคมในการจับกุมผู้ต้องหารายนี้ ว่าไม่ใช่นักแสดงแทนแต่อย่างใด ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็น นาย ยง จริง และลงมือก่อเหตุจริง แต่ไม่ยอมเปิดปากให้ปากคำถึงสาเหตุในการลงมือ จากนั้นตำรวจได้คุมตัวขึ้นรถไปคุมขังเพื่อรอสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.บางเสาธง ทันที ท่ามกลางสายตาของประชาชนจำนวนมากภายในห้างท่ารอดูการทำแผนในครั้งนี้


พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ให้สัมภาษณ์ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวานช่วงบ่ายมีเหตุชิงทรัพย์ร่านทอง วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งตำรวจบางเสาธง ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัด ตำรวจชุดสืบสวนภาค และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จากการที่ทำงานอย่างหนักสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากช้ากว่านี้เขาอาจหนีออกนอกประเทศไปแล้ว คนร้ายอยู่ระหว่างขอออกนอกประเทศ แต่เจ้าที่ตม.มีไหวพริบ เห็นรูปพรรณสัณฐานตรงกับที่แจ้งมา จึงทำการสอบสวนทราบว่าเป็นคนร้ายจึงล็อคตัวไว้ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ต้องการเงินกลับไปประกอบอาชีพที่ประเทศกัมพูชา คาดว่ามีการเตรียมการมาก่อนก่อเหตุ อาวุธที่ใช้เป็นประทัดไม่ใช่ระเบิด แถมประทัดระเบิดใส่มือจึงทำให้เขา ได้รับบาดเจ็บ หากเป็นระเบิดคงมือขาดไปแล้ว เท่าที่สอบถามจากทางร้านทองยังอยู่ครบแต่อาจจะมีตะขอหลุดเสียหายนิดหน่อย สรุปคือคนร้ายไม่ได้อะไรไปเลย เพราะไปทำทองหล่นระหว่างหลบหนี ทาง รปภ. เก็บได้จึงเอามาคืนกับทางร้าน อยากฝากถึงร้านทอง ให้ทำลูกกรง เพราะคนร้ายที่ก่อเหตุจะเลือกร้านที่ไม่มีลูกกรง ทำให้เข้าถึงได้ง่าย ถ้าหากติดลูกกรงคนร้ายจะไม่สามารถเข้าไปได้ ความเสียหายอาจแค่ 1-2 เส้น ที่พนักงานหยิบมาให้ดู เคสนี้ถือว่าตำรวจทำงานได้เร็ว สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้ พร้อมของกลาง เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาชิงทรัพย์ โดยใช้อาวุธปืน และทุกข้อหาที่จะสามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ตนเองฝากความเชื่อมั่นกับประชาชน คดีแบบนี้ตำรวจจับได้แน่นอน และจะพยายามไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกในพื้นที่ และฝากถึงมิจฉาชีพ ตำรวจไทยเก่ง หากก่อเหตุในลักษณะนี้หนีไม่รอดแน่นอน
พ.ต.อ.หกฤษฎ์ เอกอูรุ รองผู้บังคับการตม 3 ระบุว่า สำหรับตัวผู้ต้องหารายนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีความผิดข้อหาเรื่องของ พรบ. คนเข้าเมือง ในเรื่องของการอยู่เกินกำหนด ซึ่งจะได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีกด้วย


ขณะที่ พนักงานสาวร้านค้าทอง เล่านาทีที่คนร้ายรายนี้บุกเข้ามาก่อเหตุพร้อมชี้ร่องรอยของหัวกระสุนปืนที่คนร้ายรายนี้ยิงใส่ตู้กระจกโชว์ทอง ก่อนบุกปีนข้ามตู้กระจกเข้ามา โดยเธอบอกว่า ตอนที่เขาเข้ามาเขาไม่พูดอะไรเลย ตอนนั้นได้ยินเสียงระเบิดหันมาเขาก็มาถึงตัวแล้ว เขาไม่ได้ขู่ไม่ได้พูดอะไรกับใครเลย ตอนนั้นกลัวมากครั้งแรกในชีวิต หมอบอย่างเดียว ตนไม่แน่ใจว่าเค้ายิงตู้หรือแค่ปืนลั่นแต่ทางตำรวจบอกว่ายิง เพื่อจะให้กระจกแตก เหมือนเขายิงก่อนแล้วค่อยปีนขึ้นมา ทองหายเป็นเศษประมาณ 8 กรัมได้ เหมือนเป็นเศษของเส้นที่ถูกดึงขาด ส่วนทองที่คนร้ายพยามเอาไป 12 เส้นนั้น คนร้ายได้ทำตกที่หน้าประตูทางเข้า โดยมี รปภ. ของทางห้างเห็นและรีบเก็บมาคืนที่ร้านทันที ซึ่งมีภาพกล้องวงจรปิดจับภาพขณะที่ทองตกพื้นเอาไว้ได้


*******************************
ศราวุธ คงสินธ์ / ธนวัต นาคขำ จ.สมุทรปราการ