ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ติดตามการลงทะเบียนรับสิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส ภาคประชาชน (วันแรก) มีผู้สนใจรับสิทธิล้นหลาม คาดเงินสะพัดกว่า 5 พันล้านบาท
ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ติดตามการลงทะเบียนรับสิทธิโครงการคนละครึ่งพลัส ภาคประชาชน (วันแรก) มีผู้สนใจรับสิทธิล้นหลาม คาดเงินสะพัดกว่า 5 พันล้านบาท
เช้าวันนี้ (20 ต.ค. 68) นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์โครงการ “คนละครึ่งพลัส” พร้อมทั้งติดตามบรรยากาศการลงทะเบียน เพื่อสร้างการรับรู้ รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการและประชาชนเกี่ยวกับการโครงการ “คนละครึ่งพลัส” โดยในวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดรับลงทะเบียนโครงการฯ ในส่วนของภาคประชาชนหรือผู้ใช้บริการ ซึ่งได้เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 06.00 น. หลังจากที่เปิดให้ลงทะเบียนในส่วนของผู้ประกอบการไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา

ในการนี้ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายพจนา ศรีศิลปนันท์ รองนายกเทศบาลนครเชียงใหม่ และคณะ ได้ลงพื้นที่ไปพบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ไม่ว่าจะเป็นผู้ขี่จักรยานสามล้อรับจ้าง คนขับรถแดง ผู้ประกอบการร้านค้า พ่อค้าแม่ค้าในตลาด รวมถึงประชาชนทั่วไป ในพื้นที่เขตเมือง โดยพบว่า บรรยากาศการลงทะเบียนรับสิทธิโครงการ “คนละครึ่งพลัส” วันแรกของภาคประชาชนเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนมีความตื่นตัวและสนใจลงทะเบียนรับสิทธิกันอย่างล้นหลามตั้งแต่เริ่มเปิดรับลงทะเบียนผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” จนปัจจุบันเกือบครบตามจำนวนสิทธิ เบื้องต้นทางรัฐบาลได้เปิดสิทธิให้ลงทะเบียนทั่วประเทศทั้งหมด 20 ล้านสิทธิ โดยสามารถลงทะเบียนได้จนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2568 และจะเปิดให้เริ่มใช้จ่ายวันแรกในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ที่จะถึงนี้
นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ ว่า โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ชาวเชียงใหม่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี และคาดว่า เมื่อเปิดให้ใช้จ่ายวันแรกประชาชนจะมีความตื่นตัวและมาจับจ่ายใช้สอยตามสิทธิในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก โดยในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่มีผู้มีสิทธิตามเกณฑ์ในโครงการคนละครึ่งพลัส 974,376 คน แบ่งเป็นผู้ยื่นภาษี (ได้รับ 2,400 บาท) จำนวน 346,303 คน และผู้ไม่ยื่นภาษี (ได้รับ 2,000 บาท) จำนวน 628,073 คน ดังนั้นเมื่อมาใช้จ่ายตามสิทธิแล้วคาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 4 พันล้านบาท และเมื่อรวมกับผู้ที่ได้รับสิทธิในโครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 อีก ก็คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวมทั้งสิ้นกว่า 5 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ถือเป็นช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาว ซึ่งเป็นไฮซีซั่นในการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ดังนั้น จึงไม่ใช่เพียงแต่คนเชียงใหม่เท่านั้นที่จะมาใช้จ่าย แต่ยังจะมีประชาชนจากจังหวัดใกล้เคียงและนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในจังหวัดเชียงใหม่อีกเป็นจำนวนมาก จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ชาวเชียงใหม่มีรายได้และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับจังหวัดเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการลงทะเบียนนั้นก็มีผู้สนใจจำนวนมาก ทั้งในส่วนของภาคผู้ประกอบการและภาคประชาชน เริ่มแรกอาจจะเข้าสู่ระบบได้ยาก เนื่องจากมีผู้เข้าใช้แอปฯ เป็นจำนวนมาก แต่จากนั้นก็เริ่มราบลื่นขึ้น ก็มีทั้งผู้ที่สามารถลงทะเบียนผ่านไปได้ด้วยดี เนื่องจากเป็นผู้ใช้สิทธิรายเดิมจึงสามารถเข้าถึงสิทธิได้ง่าย แต่ก็ยังมีผู้ที่ติดปัญหายังไม่สามารถลงทะเบียนได้ จากการเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์ หรือความผิดพลาดในข้อมูลส่วนบุคคล ขณะเดียวกันก็มีบางส่วนที่ยังไม่รับรู้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ จึงได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยให้คำแนะนำในการใช้แอปฯ และช่วยลงทะเบียน รวมถึงรวบรวมข้อมูลที่เป็นปัญหานำไปปรับปรุงแก้ไข หากทำได้เองก็ให้ดำเนินการแก้ไขในทันที แต่หากไม่สามารถทำได้เองก็ให้เสนอปัญหาต่อฝ่ายนโยบายในระดับสูง นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ก็ได้ขอเชิญชวนให้มาร่วมลงทะเบียนในโครงการตามสิทธิต่อไป..

ฟงหวิน ศักดิ์อัศวิน/// เชียงใหม่.รายงาน
