ทำร้ายร่างกายพาดหัวข่าว

ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ เรียกสอบชายก่อเหตุเมาทำร้ายลุงพิการขายพวงกุญแจ ยอมรับเข้าใจผิดคิดว่าเป็นขอทาน ด้าน ลุงต้อย ให้อภัย ไม่ติดใจแจ้งความ

ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ เรียกสอบชายก่อเหตุเมาทำร้ายลุงพิการขายพวงกุญแจ ยอมรับเข้าใจผิดคิดว่าเป็นขอทาน ด้าน ลุงต้อย ให้อภัย ไม่ติดใจแจ้งความ
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 จากกรณีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน เวลา 23.50 น. บริเวณหน้า 7-11 ถนนศุภสารรังสรรค์ ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ กลายเป็นประเด็นที่ถูกแชร์อย่างรวดเร็วในโลกโซเชียล หลังปรากฏภาพแสดงให้เห็นชายอยู่ในอาการมึนเมาคนหนึ่ง เข้าไปหาเรื่องและรื้อทำลายแผงขายพวงกุญแจของ นายต้อย แสงจันทร์ อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นพ่อค้าพิการที่ใช้ไม้เท้าช่วยในการเดิน สร้างความตกตะลึงแก่ผู้ที่พบเห็น
ล่าสุด พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม ผกก.สภ.หาดใหญ่ ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการสืบสวน 3 นำโดย พ.ต.ท.สุรพัฒน์ อาดสะอาด สว.สส. และ ร.ต.อ.อภิรักษ์ ชายะพันธ์ รอง สว.สส. เข้าติดตามและเรียกตัวชายผู้ก่อเหตุที่ปรากฏในคลิปเข้ามาสอบสวนทันที
ต่อมาได้เรียกชายคนดังกล่าวได้เดินทางเข้าให้การกับตำรวจ โดยยอมรับว่าขณะเกิดเหตุอยู่ในอาการ มึนเมา และเกิดการ เข้าใจผิด นึกว่านายต้อยเป็นขอทาน เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับขอทานในพื้นที่ หลังสอบถามข้อเท็จจริง ได้แสดงความเสียใจและขอโทษผู้เสียหายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของชายผู้ก่อเหตุที่อ้างว่าเข้าใจผิด เตรียมลงพื้นที่ไปพูดคุยและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากนายต้อยเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่ามีการกระทำความผิดที่สามารถดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องมีผู้เสียหายร้องทุกข์ ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังชุมชนจันวิโรจน์ อ.หาดใหญ่ และได้พบกับ นายต้อย แสงจันทร์ อายุ 69 ปี ผู้เสียหาย โดยมี นายปิ้น บัวขำ อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นญาติ และ นายชัยยุทธ์ อภินันท์ อายุ 38 ปี หลาน ได้พามาพักดูแลที่บ้านชั่วคราว
นายต้อย แสงจันทร์ ได้เล่าถึงวินาทีที่ถูกชายมึนเมาเข้ามาหาเรื่อง “พออยู่ปุ๊บใช่ไหมเขาก็มาขอทาน ถุยนี่ เออ ถุยก็ขอทาน ผมบอกไม่ได้ขอทาน ผมขายของนี้ไง เขาบอก ของอะไร ของอะไรของมึงเขาก็จับทุ่มหมดเลย ทุ่มไปที่ถนนหมดเลย พอผมไปเก็บของที่มันกระจายที่เขาฟ่างทิ้ง เขาก็เดินตามว่า ไม่ต้องเก็บ ไปๆๆ ของผีอะไร ไม่ต้องเก็บ ไปเลยๆๆ ไล่ให้ไปเลย ไม่ให้เก็บของ”
นายต้อย ยังระบุอีกว่า ขณะที่เขากำลังนั่งเก็บของที่กระจัดกระจาย ชายคนดังกล่าวก็ยังคงวนเวียนและข่มขู่ เขาทำท่าตอนที่ผมนั่งอยู่นั่งที่นอนทำท่าเหมือนจะทุ่มจะฟาดของใส่ แล้วก็วาง แล้วก็ยกเท้าทำท่าจะเตะจะถีบอะไรแบบนี้ แต่ไม่ได้ทำ ผมคนทำมาหากิน ไม่ได้คนชอบหาเรื่องอาฆาตใคร ผมชอบทำมาหากิน ผมไปที่ไหนผมก็ไม่มีเรื่อง ไม่เคยมีเรื่องและ ไม่แจ้งความเพราะว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผม ก็ไม่อยากไปแจ้งความ เขาได้แต่ข่มขู่ คือก็ได้แต่ข่มขู่อย่างนั้นนะคือทำร้ายข้าวของนิดหน่อย ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ขอทานอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่เป็นการขายของเราไม่ได้ไปขอเขาหรือว่าขอใคร บางทีคนก็ซื้อของผมแล้วก็ให้เงิน บางคนก็ซื้อข้าวกิน อันนั้นเรายกมือไหว้ขอบคุณเขา แต่แบบว่า ขอตังค์หน่อย ขอ 5 บาท ขอ 10 บาท ขอ 20 บาท ไม่มี”


พี่เสือ นักข่าวจ.สงขลา