ครอบครัวโวยกู้ภัยค่ายสีส้มตัดสินใจพลาด พาผู้บาดเจ็บอาการหนักส่ง รพ.ไกลจุดเกิดเหตุจนเสียชีวิตตั้งคำถามทำไมไม่เข้ารพ.ใกล้ก่อน!”
ครอบครัวโวยกู้ภัยค่ายสีส้มตัดสินใจพลาด พาผู้บาดเจ็บอาการหนักส่ง รพ.ไกลจุดเกิดเหตุจนเสียชีวิตตั้งคำถามทำไมไม่เข้ารพ.ใกล้ก่อน!”
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 เวลา 20.28 น.
ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนสุดสะเทือนใจจาก ชายหนุ่มอายุ 33 ปี ผู้เสียแม่ไปจากอุบัติเหตุรถชนบริเวณปากซอยอนามัยงามเจริญ 27 เขตท่าข้าม โดยระบุว่า “กู้ภัยค่ายสีส้ม” มีการตัดสินใจผิดพลาด ทำให้แม่ซึ่งอาการสาหัสถูกนำส่งโรงพยาบาลที่ไกลจุดเกิดเหตุ จนสุดท้ายเสียชีวิต จึงออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม หวั่นเรื่องเงียบ

เหตุเกิดช่วง 10.40 น. วันเดียวกัน โดยในที่เกิดเหตุมีผู้บาดเจ็บหลายราย พบว่าพ่อและแม่ของชายหนุ่มคนดังกล่าวถูกรถยนต์พุ่งออกจากซอยชนทั้งคู่ พ่อได้รับบาดเจ็บไม่หนัก ถูกส่ง รพ.เอกชน ซึ่งอยู่ใกล้ แต่แม่ซึ่งอาการสาหัสกลับถูกอาสาฯ ค่ายสีส้มยกขึ้นรถตู้ของตัวเองแล้วนำส่งโรงพยาบาลที่ไกลกว่า ทั้งที่หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน “เอราวัณ” ไม่ได้รับการประสาน
ผู้เสียชีวิตเป็นสาวใหญ่อายุ 60 ปี สภาพบาดเจ็บสาหัส ขาท่อนบนผิดรูปสองข้าง มีแผลถลอก บาดแผลเปิดที่คิ้ว เลือดออกจำนวนมาก สัญญาณชีพอ่อนแรง แต่กลับไม่มีการเรียกรถแพทย์ฉุกเฉินระดับ ALS จากระบบเอราวัณ ทั้งยังมีอาสากู้ภัยเพียง 1 คนเป็นทั้งผู้ขับและผู้ดูแลผู้บาดเจ็บบนรถ
ญาติระบุว่า การกระทำดังกล่าวอาจเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พบญาติหลายสิบคนรอรับศพด้วยความโศกเศร้า ลูกชายเผยทั้งน้ำตาว่า “ แม่อาการหนักขนาดนั้น ทำไมไม่เรียกรถพยาบาล ? ทำไมไม่ส่ง รพ.ใกล้ ? ทำไมพ่อกับแม่ถึงถูกส่งคนละที่ ? ” พร้อมยืนยันจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด
จากการตรวจสอบของตำรวจ สน.ท่าข้าม พบว่ารถโตโยต้าพุ่งออกจากซอยด้วยความเร็ว ก่อนข้ามเลนชนรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย กระแทกอย่างแรงจนร่างกระเด็นไปชนท่อปูนซีเมนต์ขนาดใหญ่ซ้ำ
ลูกชายผู้สูญเสียแม่อันเป็นที่รักกล่าวทั้งน้ำตาว่า “ แม่เลือดออกเยอะ ขาหักสามท่อน อาการเข้าขั้นวิกฤต แต่กู้ภัยกลับยกขึ้นรถเองโดยไม่มีทีมแพทย์ ไม่มีเครื่องมือ ไม่มีผู้ช่วย แล้วขับไปไกลหลายกิโลเมตร ทั้งที่โรงพยาบาลใกล้กว่าอยู่แค่ตรงนั้น ทำแบบนี้ต่างจากฆ่าแม่ผมหรือ ? ”
เขายืนยันจะฟ้องร้องทั้งคดีแพ่งและอาญา ไม่มีการยอมความใด ๆ
ลูกสะใภ้ผู้ตายเผยว่า เจ้าหน้าที่ประกันภัยบอก “ ฟ้องกู้ภัยไม่ได้ ” ทำให้ครอบครัวข้องใจหนักมาก เธอกล่าวว่า
“ แม่เลือดไหลเยอะ ขาหักหลายท่อน แต่เขากลับไม่เรียกรถโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือที่พร้อมกว่า ถ้ารอรถแพทย์ในระบบฉุกเฉิน แม่อาจไม่เสียชีวิต ”
ยืนยันจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างละเอียดและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ลูกสาวผู้ก่อเหตุเผยว่า พ่อเสียใจอย่างหนักและพร้อมรับผิดทุกอย่าง ยืนยันไม่ได้เมา และเป็นอุบัติเหตุจาก “ คันเร่งค้าง ” พร้อมขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ส่งศพไปตรวจอย่างละเอียดที่นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช ก่อนจะส่งคืนให้ครอบครัวประกอบพิธีทางศาสนา

