“สว.ชีวะภาพ” นำทัพ กมธ. ลุยปราจีนฯ ดับไฟขัดแย้งคน-ช้าง ชู “กุยบุรีโมเดล-รั้วไผ่หนาม” ทางออกยั่งยืน
“สว.ชีวะภาพ” นำทัพ กมธ. ลุยปราจีนฯ ดับไฟขัดแย้งคน-ช้าง ชู “กุยบุรีโมเดล-รั้วไผ่หนาม” ทางออกยั่งยืน
”ชีวะภาพ” นำทีม กมธ.ทรัพยากรฯ วุฒิสภา รุดลงพื้นที่ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เกาะติดวิกฤติคนกับช้าง หลังพบสถิติช็อก 2 สัปดาห์ช้างป่าถูกไฟช็อตตาย 5 ตัว ด้านชาวบ้านผวาช้างบุกทำร้าย-พืชผลพังยับ เร่งดัน “กุยบุรีโมเดล” เปลี่ยนวิกฤติเป็นท่องเที่ยว พร้อมผุดไอเดีย “รั้วไผ่หนาม” กั้นช้างแบบละมุนละม่อม
วันที่ 29 พ.ย.68 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมด้วยนายกิตติศักดิ์ หมื่นศรี รองประธานคณะกรรมาธิการฯ , นายจิระศักดิ์ ชูความดี รอง ประธาน คณะกรรมาธิการและในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านทรัพยากรทางบก , นายโชคชัย กิตติธเนศวร รองประธานคณะกรรมาธิการคนที่ 4 , นายสัมพันธ์ วิเศษชัยจินดา โฆษกคณะกรรมาธิการ , นายมังกรศรีเจริญกูล ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการและนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ที่ ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการฯ นำคณะลงพื้นที่บริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งโพธิ์อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อติดตามการแก้ปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่และกรณีช้างถูกไฟฟ้าช็อตตายในพื้นที่อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี

โดยมีนายชนาธิป โคกมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี , นายนายนรินทร์ ประทวนชัย รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช , นายนายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 , นายสมใจ พุทธเสนา นายอำเภอนาดี , นายชูชาติ บำรุง อดีตนายกอบต.ทุ่งโพธิ์และคณะร่วมให้ข้อมูล
นายชนาธิป โคกมณี รอง ผวจ.ปราจีนบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์ช้างป่าในพื้นที่ อ.นาดี รวมถึงรอยต่ออุทยานฯ เขาใหญ่, ทับลาน และปางสีดา อยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง ช้างป่าออกมาหากินนอกพื้นที่ถี่ขึ้นและมีจำนวนมากขึ้น สร้างความเสียหายมหาศาลต่อพื้นที่เกษตร และที่น่าเศร้าคือมีประชาชนถูกทำร้ายบาดเจ็บและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น แม้จังหวัดจะมีการเยียวยาตามระเบียบ แต่ทุกฝ่ายทั้งกรมอุทยานฯ ท้องถิ่น และชาวบ้าน ต่างกำลังระดมสมองหาวิธีป้องกันไม่ให้ช้างออกมารบกวนชุมชน
ด้าน นายชีวะภาพ กล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในหลายจังหวัดถึงความเดือดร้อนสาหัส แต่ในมุมกลับกัน ก็พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีช้างป่าต้องสังเวยชีวิตจากการถูกไฟฟ้าช็อตถึง 5 ตัว สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างคนกับสัตว์ป่า
”เราไม่อยากเห็นภาพช้างถูกทำร้าย ถูกยิง หรือถูกสังหาร แต่ขณะเดียวกัน ประชาชนต้องใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่หวาดระแวง โจทย์ใหญ่คือทำอย่างไรให้คนหากินได้ และช้างก็หากินได้โดยไม่กระทบกระทั่งกัน” นายชีวะภาพระบุ
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่หารือร่วมกับ อุทยานแห่งชาติทับลาน และ อบต.ทุ่งโพธิ์ ได้ข้อสรุปแนวทางแก้ไขที่น่าสนใจและเตรียมผลักดันให้เป็นรูปธรรม ดังนี้
1.ดึงช้างกลับป่า: เร่งสร้างแหล่งอาหารในป่า เช่น โป่งเทียม และแปลงพืชอาหารช้าง เพื่อดึงช้างไม่ให้ออกมา
2.รั้วธรรมชาติ: นอกจากรั้วไฟฟ้าแล้ว จะมีการสร้าง “แนวรั้วไผ่หนาม-ไผ่ป่า” ซึ่งเป็นรั้วที่ไม่เป็นอันตรายต่อช้าง แต่ป้องกันการข้ามเขตได้
3 ใช้เทคโนโลยี: ติดตั้งกล้องวงจรปิดดักถ่าย (Camera Trap) เพื่อแจ้งเตือนชาวบ้านล่วงหน้าว่าโขลงช้างกำลังเคลื่อนตัวไปทิศทางใด
4.พลิกวิกฤติเป็นโอกาส: โดยเตรียมใช้ “กุยบุรีโมเดล” ของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาเป็นต้นแบบ พัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชมช้างป่า สร้างรายได้ให้ชุมชน เปลี่ยนความเกลียดชังเป็นการอนุรักษ์
5.เส้นทางตรวจการ: ทำแนวกันไฟและเส้นทางตรวจการณ์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงพื้นที่จัดการปัญหาได้รวดเร็วขึ้น
นายชีวะภาพ ทิ้งท้ายว่า เรื่องการเยียวยาผู้เสียชีวิตและพืชผลการเกษตร จะต้องผลักดันให้ได้รับอย่างเต็มที่และสมเหตุสมผล พร้อมฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า “ไม่อยากให้เกลียดช้าง” โดยทาง กมธ. จะนำข้อมูลทั้งหมดไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนแม่บทตามหลักวิชาการ ให้คนและช้างอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืนต่อไป.

