โครงการสัมมนา
เรื่อง “ตำรวจกับประชาชนในการป้องกันระงับอัคคีภัยและบรรเทาสาธารณภัย” โดย กมธ.การตำรวจสภาผู้แทนราษฎร
วันที่ 12 กันยายน 2563 เวลา 08.30 น.คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ได้จัดสัมมนา โครงการ “ตำรวจกับประชาชนในการป้องกันระงับอัคคีภัยและบรรเทาสาธารณภัย”
ณ โรงแรมทองธารา ริเวอร์วิว แขวงบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานครในการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นมีความสำคัญมาก เพราะในความสำเร็จหรือในความผิดพลาด จากการตัดสินใจกระทำการนั้น หมายถึง ‘ชีวิต’ ที่อาจต้องสูญเสีย ดังนั้น ความรู้ความเข้าใจรวมถึง ความสามารถและความกล้าที่จะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในยามคับขันจึงมีความสำคัญมาก เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ บุคคลทั้งหลายจึงจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ในการช่วยเหลือชีวิตในเบื้องต้น เพื่อที่จะสามารถนำไปใช้ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ปัจจุบันชุมชนในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครได้เกิดอัคคีภัย อุบัติภัย และอุบัติภัยจากภัยธรรมชาติ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตร่างกายและทรัพย์สินเพิ่มขึ้นทุกปี สำหรับการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งจาก การกู้ภัยในรูปแบบต่าง ๆ และการป้องกันระงับอัคคีภัยและบรรเทาสาธารณภัยนั้นต้องอาศัยการเรียนรู้ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยฝึกฝนจนชำนาญ ดังนั้น พนักงานดับเพลิง อาสาดับเพลิง อาสาสมัครกู้ภัย ประธานชุมชนและตัวแทนชุมชน จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับความรู้ที่ถูกต้อง และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ทั้งนี้ การกู้ภัยจำแนกได้หลายประเภท เช่น การระงับอัคคีภัย การโรยตัวจากที่สูงเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ ซึ่งยากที่จะเข้าถึง การกู้ภัยในอาคาร การใช้อุปกรณ์ตัด – ถ่าง เพื่อนำผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิตออกมาจาก รถยนต์ซึ่งประสบอุบัติเหตุ รวมตลอดถึงสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน อย่างไรก็ดี เพื่อความไม่ประมาทและป้องกัน ความผิดพลาด การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและการกู้ภัยนั้น จำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ร่วมให้ความช่วยเหลือด้วยเช่นกัน อนึ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการรักษา ความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ในพื้นที่ชุมชนย่อมอยู่ภายใต้ความดูแลของสถานีตำรวจนครบาล และคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการ บริหารงานตำรวจ สถานีตำรวจ (กต.ตร.สน.) ซึ่งมีกรรมการในสัดส่วนประชาชนที่ได้รับการแต่งตั้งจาก ผู้มีความรู้ความสามารถต่าง ๆ ดังนี้ บุคคลในสังคมจึงสามารถมีส่วนร่วมป้องกันระงับอัคคีภัยและบรรเทา สาธารณภัยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นอย่างดี
คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจกระทำกิจการ พิจารณา
สอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับกิจการตำรวจ การปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย การป้องกัน และรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ตามที่บัญญัติไว้ในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๐ (๑๓) ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิรูปกิจการตำรวจ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อ ประชาชนและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ การรับรู้และความเข้าใจของผู้เข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับ อัคคีภัย อุบัติภัย และอุบัติภัยจากภัยธรรมชาติ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานในการป้องกันรักษา ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนร่วมกับพนักงานดับเพลิง อาสาดับเพลิง อาสาสมัครกู้ภัย ประธานชุมชน และตัวแทนชุมชนเป็นสำคัญ จึงได้จัดให้มีโครงการสัมมนา เรื่อง “ตำรวจกับประชาชนในการ ป้องกันระงับอัคคีภัยและบรรเทาสาธารณภัย”
โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดงานดังนี้ 1 . เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับการป้องกัน และระงับอัคคีภัย และบรรเทาสาธารณภัย
2. เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับสิทธิในการได้รับความ ช่วยเหลือกรณีเกิดปัญหาอัคคีภัย และอุบัติภัย
3. เพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับปัญหาในการป้องกันและระงับอัคคีภัย และบรรเทาสาธารณภัย
ทั้งนี้มีผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวน ๓๐๐ คน ประกอบด้วย พนักงานดับเพลิง อาสาดับเพลิง อาสาสมัครกู้ภัย อาสาสมัครมูลนิธิ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประธานชุมชน ผู้นำชุมชน คณะกรรมการตรวจสอบและ ติดตามการบริหารงานตำรวจ สถานีตำรวจ (กต.ตร.สน.) ประชาชนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา และ ผู้สังเกตการณ์
นาย โชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี โฆษกคณะกรรมาธิการการตำรวจ กล่าวว่า ” งานในวันนี้จัดขึ้นมาเพราะเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 63 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์เพลิงรุกไหม้ชุมชนขนาดใหญ่ภายในซอย สมเด็จพระเจ้าตากสิน23 ซึ่งถือว่าเป็นครั้งร้ายแรงของชาวฝั่งธนบุรี มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหมด87 หลังคาเรือน แล้วมีประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนถึง300กว่าคน จึงเป็นที่มาที่ไปของการตัดสินใจในการจัดงานสัมนาขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งตนเองในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการตำรวจ มีความคิดเห็นว่าเหตุการณ์เหล่านี้ไม่สมควรเกิดขึ้นเลยในบ้านเมืองของเราก็ว่าได้ สาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดเหตุเพลิงรุกไหม้ในชุมชนขนาดใหญ่ส่วนมากจะมาจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ว่าลึกๆจริงๆแล้วเราก็คงไม่อาจจะรู้ได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วก็ย่อมที่จะมีผู้ที่เดือดร้อน เราเองก็ลงชุมชนที่ประสบภัยในเหตุการณ์ครั้งนั้น แล้วนำน้ำดื่มจำนวน 300 แพ็ค แล้วยังมอบเงินช่วยเหลือจำนวนนึงให้กับผู้ประสบภัยเพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้น ส่วนการจัดงานในวันนี้ประชาชนที่มาเข้าร่วมรับฟังการสัมมนา ก็มาจากชุมชนที่ประสบภัยในเหตุการณ์วันนั้นส่วนนึง และอีกบางส่วนก็จะเป็นประชาชนที่อยู่โดยรอบ และภายในเขตฝั่งธนบุรี ส่วนการที่จัดงานนี้ก็เพื่ออยากให้ประชาชนมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องของการระงับอัคคีภัย และช่วยกันบรรเทาสาธารณภัย แล้วช่วยกันปกป้องดูแลกันภายในชุมชน แล้ว
เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับสิทธิในการได้รับความช่วยเหลือกรณีการเกิดปัญหาอัคคีภัยและอุบัติเหตุ แล้วทั้งนี้เพื่อเป็นการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่เกี่ยวกับปัญหาในการป้องกันและระงับอัคคีภัยภายในชุมชนต่างๆอีกด้วย”
โชติกา ม่วงใจรักษ์ ผู้สื่อข่าว กทม.